“สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำหน่ายสลากดิจิทัล ในราคาไม่เกิน 80 บาท ผ่านแอปฯ เป๋าตังเพียงช่องทางเดียว เท่านั้น
สำหรับการจำหน่ายสลากเกินราคา และการซื้อสลากผ่านแพลตฟอร์มเอกชนในราคาเกิน 80 บาท หรือมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมกว่า 80 บาท ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและสนับสนุนให้มีการขายสลากเกินราคาอีกด้วย”
แต่จนถึงวันนี้ แพลตฟอร์มขายสลากเอกชนรายใหญ่สุด ยังคงเดินหน้าท้าทาย
เหมือนเอาตีนเหยียบหน้า
เหมือนเอาน้ำลายของกองสลากฯ สาดใส่หน้ากองสลากฯ
เพราะ “แพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์” ยังเดินหน้าขายสลากผ่านแพลตฟอร์มในราคาบวกค่าบริการเกิน 80 บาทต่อไป
โดยที่กองสลากฯ ไม่มีน้ำยาทำอะไรเพิ่มเติม
หรืออาจจะเจตนาละเว้น ให้เอกชนดำเนินการแสวงหาผลประโยชน์ขายสลากบวกค่าบริการเดินกฎหมายกำหนดซึ่งๆ หน้าต่อไปเรื่อยๆ อย่างสมเพชเวทนาที่สุด
1. ล่าสุด ผู้บริหาร “แพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์” ถึงขนาดโพสต์เฟซบุ๊กประกาศเจตนาชัด ระบุว่า
“…เราจึงไม่ต้องการจำหน่ายสลากในราคาสูงกว่าตลาด เราเลยตัดสินใจลดราคาลอตเตอรี่เดี่ยว และชุด 2 ใบให้เหลือเพียง 80+20 บาท
รวม Vat 7%
สำหรับลอตเตอรี่ชุดใหญ่ตั้งแต่ 3 ใบขึ้นไปนั้น เราจะจำหน่ายในราคา
80+25 บาท รวม Vat 7% ทุกใบไม่ว่าจะชุดใหญ่แค่ไหนก็ตาม
ณ วันนี้ ลอตเตอรี่ราคาส่งอยู่ที่ 98 บาทรวมค่าบริการจัดหาสลาก…”
นี่คือการรับสารภาพอีกครั้งว่า เจตนาขายสลากเกินราคา 80 บาท
โดยอ้างว่าสลากมีราคาส่งอยู่ที่ 98 บาท ซึ่งที่จริงมันก็คือราคาที่ “แพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์” กำหนดเอง โดยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายสลากกินแบ่งที่กำหนดห้ามมิให้ขายเกินราคา 80 บาท
สะท้อนชัดถึงการวางแผนไปจัดหามาในราคาเกิน 80 บาท แล้วก็ประกาศขายในราคาเกิน 80 บาท โดยอ้างว่าบวกค่าบริการจัดหา
ทั้งๆ ที่ กองสลากฯ เพิ่งยืนยันว่า การจำหน่ายสลากเกินราคา และการซื้อสลากผ่านแพลตฟอร์มเอกชนในราคาเกิน 80 บาท หรือมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมกว่า 80 บาท ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและสนับสนุนให้มีการขายสลากเกินราคาอีกด้วย
แบบนี้ จึงเรียกว่า “เอาตีนเหยียบหน้ากองสลากฯ”
2. นายอำนวยพร เกิดพุ่ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดเผยผ่านสื่อ TOP NEWS ว่า การจำหน่ายสลากฯผ่านช่องทางใดก็แล้วแต่ หากเกินราคา 80 บาทต่อใบถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการจำหน่ายเกินราคาจากสำนักงานสลากฯได้กำหนดไว้ และสามารถดำเนินการเอาผิดได้ โดยการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมายืนยันสำนักงานสลากฯมีการดำเนินการติดตามเอาผิดผู้เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงานสลากฯ อาทิ กรณีของ “กองสลากพลัส” ที่ผ่านมามีการแจ้งความดำเนินคดี และเปรียบเทียบปรับอัตราสูงสุดทุกงวดการออกรางวัล ขณะเดียวกันสำนักงานสลากฯ ยังได้ทำการตรวจสอบสลากฯที่มีการนำมาขึ้นเงินรางวัล เพื่อเอาผิดในส่วนของผู้ขายทอดสลากฯอีกด้วย และที่ผ่านมาได้มีการตัดโควตาผู้ค้าสลากฯไปแล้ว
“วิธีการของ “กองสลากพลัส” เป็นการตั้งโต๊ะรับซื้อสลากฯ จากผู้มีโควตา และการส่งคนไปกว้านซื้อตามแหล่งต่างๆ ทั้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สี่แยกคอกวัว หรือ สนามบินน้ำ โดยการใช้เงินซื้อในราคาสูงถึง 95-97 บาท/ใบ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้มีโควตา ที่รับสลากฯมาในราคา 70.40 บาทต่อใบ เลือกจะนำมาขายให้กับบริษัทเอกชน แทนการไปขายเองหรือปล่อยให้กับผู้ค้ารายอื่นๆ ซึ่งการกว้านซื้อของ “กองสลากพลัส” ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้ราคาสลากฯ ในตลาดปรับตัวสูงขึ้น และผู้ค้าที่รับสลากต่อๆ กันมา จำเป็นต้องขายสลากฯเกินราคาที่กำหนดไว้”
ส่วนกรณีความไม่ชอบมาพากลของเส้นทางการเงินบริษัทเอกชนในการเข้าไปกว้านซื้อสลากฯงวดละกว่าสิบล้านใบนั้น นายอำนวยพรระบุว่าในส่วนของดีเอสไอ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปตรวจสอบ เงินที่นำมากว้านซื้อสลากฯในแต่ละงวดมาจากช่องทางใด
“ในฐานะของคนในสำนักงานสลากฯ ได้เห็นถึงการกระทำของกองสลากพลัส ที่สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีให้กับสำนักงานสลากฯ ว่าไม่สามารถจัดการขายสลากในราคา 80 บาทได้ ตามนโยบายที่วางไว้ว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำธุรกรรมกับสำนักงานสลากฯ หากทำถูกความเจริญก็จะมา หากทำผิดก็จะมีกฎหมายที่จะเล่นงานอยู่แล้ว จึงไม่ต้องมาเยาะเย้ยสำนักงานสลากฯ ว่าไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะยังมีเวลา และไม่ใช่สำนักงานสลากฯ ไม่ดำเนินการ แต่สำนักงานฯยังดำเนินการอยู่ ในทุกแพลตฟอร์ม ไม่มีละเว้นทั้งคนที่ไปร่วมลงทุน ก็มีการตรวจสอบกระบวนการหลังบ้านอีกด้วย ว่าเส้นทางทางการเงินของผู้ร่วมลงทุนมาจากช่องทางใด” ประธานสหภาพฯสำนักงานสลากฯ กล่าว
3. ล่าสุด นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เปิดเผยถึงกรณีการดำเนินการกับแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากเกินราคาว่า ตามที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มผู้จำหน่ายสลากเกินราคาแล้ว จำนวน 15 ราย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ และ ปอท.ได้ยื่นคำร้องขอให้กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการปิดกั้น ช่วงเดือนมิ.ย. 2565 มีผลการดำเนินการดังนี้
ศาลได้มีคำสั่งให้ปิดกั้นแล้ว จำนวน 12 ราย ทั้งที่ขายเกินราคาและขายโดยไม่มีสลากจริง ประกอบด้วย แพลตฟอร์มออนไลน์ของ 1. กรุงไทย 2. สลากแมน 3. พร้อมรวย 4. สลากสิงห์ 5. นาคา 6. นัมเบอร์วัน 7. เสือแดง 8. ปลาคาร์ป 9. ลอตเตอรี่ 80 10. ทันใจ 11. หกล้าน 12. โชคดี
ทั้งนี้ ศาลได้ยกคำร้อง และอยู่ระหว่างกระทรวงฯ ดำเนินการอุทธรณ์จำนวน 2 ราย คือ 1. มังกรฟ้า 2. หงส์ทอง
ส่วนแพลตฟอร์มที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาล มีจำนวน 1 รายคือ กองสลากพลัส
นายชัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่ม หลังมีการร้องเรียนว่าแพลตฟอร์มกองสลากพลัสยังมีการกระทำความผิด ขายสลากเกินราคาอยู่ เพื่อยื่นเป็นข้อมูลให้ศาลพิจารณาเพิ่มเติม ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรให้รอฟังการไต่สวนของศาลอีกครั้ง โดยกระทรวงดิจิทัลฯพร้อมดำเนินการปิดกั้นแพลตฟอร์มทันที เมื่อศาลมีคำสั่งออกมา
4. ปัญหาใหญ่ขณะนี้ อยู่ที่การกำกับดูแลกองสลากฯ ซึ่งรัฐมนตรีที่ดูแล คือ รมต.อนุชา นาคาศัย
เรื่องนี้ จะกระทบถึงความเชื่อมั่นต่อตัวนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแน่นอน
หากยังปล่อยปละละเลยให้แพลตฟอร์มเอกชนหากินแบบไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง ฝ่าฝืนแนวทางนโยบายของรัฐบาล จนเสื่อมความน่าเชื่อถือศรัทธา ทำให้ผู้บริโภคเสียหาย รัฐเสียหาย พ่อค้าหวยรายย่อย รวมถึงคนที่ต้องการจะได้ลงทะเบียนซื้อหวยจากกองสลากฯ เกือบล้านคน ได้แต่มองตาปริบๆ
อย่าให้มี “กาฝาก” กองสลากฯ หากินจากสลากรัฐบาล โดยวิธีการผิดกฎหมาย กลางบ้านกลางเมือง เดือนละหลายพันล้านบาท ปีละหลายหมื่นล้านบาท หยามหยันน้ำยาของหน่วยงานตรวจสอบภาครัฐ ทำลายความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน
สารส้ม