ผู้การฯ บุรีรัมย์ยัน ตร.ไม่ได้บังคับคนขับรถแห่ “พปชร.” รับสารภาพกุเรื่องถูกปืนจ่อหัวขู่ห้ามหาเสียง เผยแพร่: 6 พ.ค. 2566 19:08 ปรับปรุง: 6 พ.ค. 2566 19:08 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ บุรีรัมย์ – ผู้การตำรวจบุรีรัมย์แถลงยืนยัน ตร.ไม่ได้บังคับให้คนขับรถแห่ พปชร.รับสารภาพกุเรื่องชายฉกรรจ์ใช้ปืนจ่อหัวขู่ห้ามหาเสียงตามที่กล่าวอ้าง ชี้ตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตรวจสอบแล้วไม่พบวงจรปิด 2 ชายฉกรรจ์ขี่ จยย.ติดตามและใช้ปืนจ่อหัวตามที่คนขับรถแห่ให้ข้อมูล และที่รับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่มีใครบังคับวันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายเจษฎากร เขียนนิลศิริ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 เบอร์ 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายมานิตย์ สันธิ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นทีมงานขับรถแห่หาเสียง ได้นำหลักฐานการแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บ้านด่าน ว่าขณะขับรถยนต์ประชาสัมพันธ์ หาเสียงไปถึงบริเวณป่าอ้อยระหว่างหมู่บ้านระเบิก กับหมู่บ้านกระชาย ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน ได้ถูกชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ประกบแล้วจอดขวางหน้ารถก่อนที่คนซ้อนท้ายจะเดินมาหาใช้อาวุธปืน ชนิดลูกโม่ ไม่ทราบขนาด จ่อที่ศีรษะแล้วข่มขู่ว่า “มาวิ่งหาเสียงให้เขาทำไม” และบอกว่าห้ามเปิดเสียงประชาสัมพันธ์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาต่อมาวันที่ 4 พ.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกนายมานิตย์ คนขับรถแห่ มาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก พร้อมอธิบายให้นายมานิตย์ฟังด้วยว่า จากการลงพื้นที่สืบสวน และตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและจุดต่างๆ ตามคำกล่าวอ้างของนายมานิตย์ แต่ไม่พบรถ จยย.หรือชายฉกรรจ์ตามที่นายมานิตย์ให้การเลย กระทั่งนายมานิตย์จำนนต่อหลักฐานและยอมรับสารภาพกับตำรวจว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นจากนั้นวันที่ 5 พ.ค. 66 นายมานิตย์ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ต้องรับสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นเพราะถูกตำรวจบังคับให้ยอมรับไม่ได้สมัครใจ และพร้อมจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้เรื่องกลับตาลปัตรนั้นล่าสุดวันนี้ (6 พ.ค.) พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.สาธิต สถิตย์ถาวร ผู้กำกับการสืบสวนภูธร จ.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.บ้านด่าน ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแรงจูงใจของนายมานิตย์ ว่ามีจุดประสงค์อะไรที่ให้การต่อตำรวจกลับไปกลับมา เพราะก่อนรับสารภาพได้เอาพยานหลักฐานต่างๆ ให้นายมานิตย์ดู จนนายมานิตย์ ยอมเซ็นคำรับสารภาพด้วยตัวเอง ซึ่งการกลับคำให้การและกล่าวหาว่าตำรวจบังคับให้รับสารภาพ ทำให้ตำรวจได้รับความเสียหาย ยืนยันว่าตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และไม่ได้บังคับให้รับสารภาพตามที่กล่าวอ้าง แต่นายมานิตย์จะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิที่สามารถจะพูดได้ แต่หลังจากนี้ตำรวจ สภ.บ้านด่านก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนฐานแจ้งความเท็จ ส่วนที่กล่าวหาว่าตำรวจบังคับนั้น ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นประมาณ ก็ขึ้นอยู่กับผู้กำกับการ สภ.บ้านด่าน ว่าจะดำเนินการอย่างไรด้าน พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บ้านด่าน ระบุว่า วันที่ 3 พ.ค. 66 เวลา 12.30 น. นายมานิตย์ได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ว่าถูกชายฉกรรจ์ 2 คนขี่รถจักรยานยนต์เอาปืนมาจี้พร้อมข่มขู่ ต่อมาชุดสืบสวน สภ.บ้านด่านได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบถามชาวบ้าน ร้านค้าที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าไม่พบบุคคลต้องสงสัย ไม่พบรถจักรยานยนต์ตามที่กล่าวอ้าง มีเพียงรถหาเสียงของพรรคการเมือง 2 พรรคเท่านั้น ชุดสืบสวนจึงให้นายมานิตย์มาชี้จุดตามที่กล่าวอ้างว่าถูกปืนจ่อ แต่นายมานิตย์กลับให้การวกวน สุดท้ายนายมานิตย์จำนนต่อหลักฐาน ยอมรับสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นเองจึงบันทึกคลิปไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับผู้สื่อข่าว