สามีและลูกร้องขอรื้อสำนวนคดีแฟนขึ้นใหม่หลังเชื่อว่าถูก “แอม”วางยาจนเสียชีวิต เผยแพร่: 26 เม.ย. 2566 18:37 ปรับปรุง: 26 เม.ย. 2566 18:37 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ ราชบุรี – สามีและลูกร้องขอให้รื้อสำนวนทำคดีแฟนสาวขึ้นใหม่หลังเชื่อว่าถูก แอม วางยาเสียชีวิต ในลักษณะเดียวกันกับก้อย โดยทางสภ.โพธารามได้ตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ วันนี้ (26 เม.ย. ) ที่สถานีตำรวจภูธรโพธาราม จ.ราชบุรีสามีและลูกสาวของ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ หอบหลักฐานเข้าพบกับ พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม เพื่อขอให้รื้อคดีขึ้นมาทำใหม่หลังเชื่อว่า ถูกแอมกระทำในลักษณะเดียวกันกับก้อย โดยทางสภ.โพธารามได้ตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ ด้านสามีและลูกกล่าวว่า ขณะนี้ยังสงสัยในคดีอยู่เพราะกรณีแบบนี้มันคล้าย ๆ กันหมดและแอมก็อยู่ในเหตุการณ์เดียวกับภรรยาตน ขณะนี้ยังไม่เจอกับแอมและไม่อยากเจอด้วยเพราะรู้สึกทำใจไม่ลง คิดว่าพอจะมีหลักฐานมัดตัวแอมได้ ส่วนตัวเคยเจอแอมตอนอยู่ที่โรงพยาบาลหลังจากที่ภรรยาตนเข้าโรงพยาบาลอาการขณะนั้นก็แค่รู้สึกเฉย ๆ ไม่มีการตื่นเต้นหรือตกใจแต่อย่างใด พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกรอบจัด หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด เราก็พยายามติดต่อไปหลายสาย แต่ก็ไม่มีการตอบรับ และไม่มีการติดต่ออย่างใด ในตอนที่เจอในโรงพยาบาล ก็เห็นใส่ชุดพลิ้ว ๆ เหมือนชุดนอน ในความคิดส่วนตัวว่าที่เปลี่ยนชุดนอนเพราะอาจจะ เป็นเรื่องของการใช้สารอะไรบางอย่างหรือไม่ จึงต้องเปลี่ยนชุดเอ๊ะ รู้จัก แอม ผ่านโซเชียล ก่อนถูกแอมชักชวนให้เล่นแชร์และปล่อยเงินกู้ จากนั้นแอมชวนเอ๊ะไปทำบุญ 9 วัดและปล่อยปลา เอ๊ะจึงขับรถจากคลองเตยไปราชบุรี โดยเปลี่ยนไปนั่งรถของแอมที่นครปฐม เมื่อไปถึงปั๊มน้ำมันที่โพธารามก็แวะซื้อกาแฟ จากนั้นเอ๊ะมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก และเสียชีวิต ญาติของเอ๊ะสงสัยว่าทำไมแอมไม่พาเอ๊ะไปส่งโรงพยาบาลทั้งที่อยู่ใกล้ ๆ จนชาวบ้านแถวนั้นเห็นเอ๊ะน้ำลายฟูมปากจึงเรียกรถพยาบาลให้ในขณะที่อยู่โรงพยาบาล แอม มีอาการรีบร้อน ไม่ยอมตอบคำถามญาติของเอ๊ะ ได้แต่พูดว่าสามีเป็นตำรวจทั้งที่ไม่มีใครถาม สุดท้ายแอมทำเป็นสายเข้าแล้วบอกว่ามีธุระต้องรีบกลับ หลังจากนั้นโทรไปก็ไม่รับสายอีกเลย งานศพก็ไม่มานอกจากนี้เงินสด ทรัพย์สิน และมือถือของเอ๊ะสูญหายทั้งหมด แต่เอ๊ะมีมือถืออีกเครื่องที่ไม่ได้เอาไปด้วย เมื่อเปิดดูประวัติการแชตพบว่าแอมขอยืมเงิน และให้เอ๊ะเอาเงินไปไถ่ทองให้ที่ร้านรับจำนำในนครปฐม จำนวน 300,000 บาท จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเงินอยู่ที่ไหน