สวนสัตว์เชียงใหม่แถลงการณ์ยันชัดไม่จริงกรณีโซเชียลแชร์ว่อนภาพ “หลินฮุ่ย” อ้างถูกปล่อยนอนตาย-ย้ำดูแลอย่างดี

สวนสัตว์เชียงใหม่แถลงการณ์ยันชัดไม่จริงกรณีโซเชียลแชร์ว่อนภาพ “หลินฮุ่ย” อ้างถูกปล่อยนอนตาย-ย้ำดูแลอย่างดี เผยแพร่: 20 เม.ย. 2566 15:37   ปรับปรุง: 20 เม.ย. 2566 15:37   โดย: ผู้จัดการออนไลน์ เชียงใหม่ – สวนสัตว์เชียงใหม่ออกแถลงการณ์กรณีโซเชียลมีเดียแห่แชร์ภาพ “หลินฮุ่ย” หมีแพนด้า นอนเลือดกำเดาไหลพร้อมอ้างเป็นภาพการตาย ชี้แจงเป็นการบิดเบือนคลาดเคลื่อนจากความจริง ยืนยันเป็นภาพขณะยังมีชีวิตและสัตวแพทย์กำลังสังเกตการณ์อยู่เพื่อทำการรักษา อีกทั้งภาพทั้งหมดเกิดในวันเดียวกัน ย้ำฟูมฟักอย่างดีตลอด 20 ปีในความดูแล ด้านสาวชาวจีนที่อ้างเป็นผู้ถ่ายภาพเผยเป็นแฟนคลับตัวยง เข้าเที่ยวชมเกือบทุกวันต่อเนื่องเป็นเดือน กระทั่งล่าสุดวันที่ 18 เม.ย. 66 พบความผิดปกติและถ่ายภาพไว้ได้ รวมทั้งแจ้ง จนท.และเฝ้าติดตามอาการจนเย็น กระทั่งทราบภายหลังว่าตายแล้ว ยอมรับสงสัยสาเหตุเลือดไหล แต่เชื่อมั่นสวนสัตว์เลี้ยงดูอย่างดีจากกรณี “หลินฮุ่ย” หมีแพนด้าเพศเมีย ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ที่อยู่ในความดูแลของสวนสัตว์เชียงใหม่ ตายลงเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 19 เมษายน 2566 ด้วยอายุ 21 ปี 7 เดือน โดยก่อนหน้านั้นปรากฏว่ามีการเผยแพร่ คลิปในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน เป็นภาพขณะที่หลินฮุ่ยนอนหลับพักผ่อนอยู่ในส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าของสวนสัตว์เชียงใหม่ แล้วปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาบริเวณจมูก และเปื้อนที่บริเวณส่วนคอ ซึ่งก่อให้เกิดการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเลือดที่ไหลดังกล่าวว่าอาจจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการตายของหลินฮุ่ยหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งบางส่วนอ้างว่าเป็นภาพตอนนอนตายด้วยวันนี้ (20 เม.ย. 66) สวนสัตว์เชียงใหม่ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 กรณีมีการแชร์ภาพหมีแพนด้ามีเลือดกำเดาไหล โดยอ้างว่าเป็นภาพการตายของหมีแพนด้าหลินฮุ่ยที่ขาดการดูแลเอาใจใส่ ระบุว่า “สวนสัตว์เชียงใหม่ขอแจ้งว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ชาวต่างชาติคนหนึ่ง เข้ามาไลฟ์สดในส่วนจัดแสดงหมีแพนด้า ขณะที่หลินฮุ่ยหลับ ส่วนรอยเลือดที่เห็นเป็นเลือดกำเดาที่ไหลออกในช่วงพี่เลี้ยงกำลังเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อนำเข้าคอกกัก เพื่อทำการรักษา (ตามที่ได้แถลงข่าวไปแล้วนั้น) ภาพนี้เป็นภาพหมีแพนด้าหลินฮุ่ยหลับในส่วนจัดแสดง ยังมีชีวิตและอยู่ในการสังเกตการณ์ของสัตวแพทย์ และทีมพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด และเป็นภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียว คือวันที่ 18 เมษายน 2566 มิได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายวันก่อนหน้านั้น ขณะนี้มีภาพและข้อความต่างๆ ที่บิดเบือนจากความเป็นจริงแชร์ในสื่อออนไลน์จำนวนมาก ทำให้สวนสัตว์เชียงใหม่ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้รับความเสียหาย ขอให้ทุกคนที่ติดตามข่าวและข้อมูลต่างๆ จากข้อมูลข่าวสารของสวนสัตว์เชียงใหม่ต่อไป สวนสัตว์เชียงใหม่ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการเลี้ยงและดูแล ตลอดจนถึงให้การรักษาอย่างเต็มกำลังความสามารถทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน การสูญเสียหมีแพนด้าหลินฮุ่ยเป็นการจากไปที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวสวนสัตว์เชียงใหม่ทุกคน ที่ให้ความรักความผูกพันมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปีที่ผ่านมา”ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่าวานนี้ (19 เม.ย. 66) พบหญิงสาวชาวจีนคนหนึ่งบริเวณใกล้ส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าในสวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งหญิงคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ถ่ายคลิปหลินฮุ่ยขณะที่มีเลือดออกและไหลย้อยอยู่บริเวณใกล้เคียงเอาไว้ได้ และนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน โดยจากการสอบถามหญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่า เข้ามาทำงานอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นแฟนคลับหมีแพนด้า ซึ่งตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้แวะเข้ามาเที่ยวชมหมีแพนด้าหลินฮุ่ยเกือบทุกวัน โดยในวันที่ 18 เมษายน 2566 ตัวเองได้มาเที่ยวชมหมีแพนด้าตั้งแต่เช้าที่เริ่มเปิดจัดแสดง พร้อมสนับสนุนค่าอาหารเลี้ยงหมีแพนด้าด้วย ซึ่งระหว่างที่ ชมหมีแพนด้าอยู่นั้นสังเกตพบว่าหลินฮุ่ยมีอาการเซื่องซึม ซึ่งเป็นเช่นนี้มาแล้วหลายวัน แต่วันนี้พบว่ามีเลือดไหลออกมา จึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อให้สัตวแพทย์ทำการตรวจรักษาจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดส่วนจัดแสดงไปเลย แต่ตัวเองยังคงเฝ้าคอยติดตามสถานการณ์อยู่ที่จุดใกล้เคียง จนกระทั่งถึงช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. จึงเดินทางกลับ โดยที่ไม่ทราบเลยว่าสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาอะไรอย่างไรบ้าง และอาการของหลินฮุ่ยเป็นเช่นไร จนกระทั่งมาทราบข่าวในเวลาต่อมาว่าตายลงแล้ว ซึ่งจากคลิปที่ถ่ายเอาไว้ได้ ทำให้ตัวเองตั้งข้อสังเกตว่าเลือดที่ไหลออกมาของหลินฮุ่ยนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร และเกี่ยวข้องกับการตายหรือไม่ โดยเฉพาะรอยเลือดที่บริเวณแผงคอนั้น อยากทราบว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่อย่างไร แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เชื่อมั่นการทำงานของทีมงานสัตวแพทย์ของสวนสัตว์เชียงใหม่แต่อย่างใด เพราะทราบดีว่าตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่หมีแพนด้ามาอยู่ในประเทศไทยนั้น ได้รับการดูแลฟูมฟัก เอาใจใส่เป็นอย่างดีเสมอมา