ผู้ว่าฯ เชียงใหม่นำบินตรวจฝุ่นควันพร้อมย้ำปกป้อง”ดอยหลวงเชียงดาว”ให้ไร้ไฟป่า-ชี้โดนควันต่างถิ่นทำ”ล่องหน” เผยแพร่: 14 มี.ค. 2566 23:06 ปรับปรุง: 14 มี.ค. 2566 23:06 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ เชียงใหม่-ผู้ว่าฯเชียงใหม่นำทีมขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินตรวจติดตามสถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่าที่คลี่คลายหลังฝนตกช่วยบรรเทาและเยี่ยมให้กำลังใจการทำงานของ จนท.ในพื้นที่อำเภอเชียงดาว พร้อมย้ำทุกภาคส่วนช่วยกันปกป้องเต็มที่ให้ไร้เกิดไฟไหม้เขตดอยหลวงเชียงดาวต่อไป ชี้ที่ผ่านมาถูกบดบังจนมองไม่เห็นล้วนเป็นฝุ่นควันจากนอกพื้นที่ประกอบกับความกดอากาศวันนี้ (14 มี.ค. 66) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายกริชสยาม คงสตรี ผอ.สบอ.16 เชียงใหม่ , นายอิศเรศ สิทธิโรจนกุล ผอ.ทสจ.เชียงใหม่ และ นายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงาน ปภ.เชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อบินสำรวจสถานการณ์ฝุ่นควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังอำเภอเชียงดาว พร้อมทั้งถือโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และผู้ปฏิบัติงาน และประชุมติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในเขตพื้นที่อำเภอเชียงดาว ที่ อุทยานแห่งชาติผาแดง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาวโดย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการบินตรวจสอบสภาพอากาศแล้ว พบว่า สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มมีฝุ่นควันเจือจางลง เนื่องจากช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้น้ำฝนช่วยชะล้างฝุ่นละอองไปบางส่วน แต่ก็ยังไม่ถึงกับจางหายไปทั้งหมด หลายพื้นที่สามารถมองเห็นดอยและภูมิประเทศได้ชัดเจน แต่ในบางพื้นที่ก็ยังขุ่นมัวอยู่ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอเชียงดาว ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขา ในช่วงที่ผ่านมามีฝุ่นควันจากพื้นที่รอบข้างลอยเข้ามา ประกอบกับมีความกดอากาศ จึงทำให้ฝุ่นควันถูกกดลงมาปกคลุมหนาแน่น บดบังทัศนวิสัย จะเห็นได้จากการที่ดอยหลวงเชียงดาวถูกฝุ่นควันปิดบังจนมองแทบไม่เห็น ทั้งที่ในปีนี้อำเภอเชียงดาวไม่มีการเผาป่าเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่โดยรอบดอยหลวงเชียงดาวเลยแม่แต่ครั้งเดียว แต่เป็นเพราะมีฝุ่นควันจากนอกพื้นที่ลอยเข้ามาอย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานช่วยกันปกป้องดูแลรักษาดอยหลวงเชียงดาวไว้ให้ได้ เนื่องจากเป็นต้นสายของแม่น้ำปิง และอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ หากเกิดไฟป่าในบริเวณพื้นที่ดอยหลวงเชียงดาวแล้ว จะส่งผลให้ฝุ่นควันลอยเข้าไปยังพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และจากสภาพที่เป็นเขาสูง จะทำให้การดับไฟเป็นไปได้ยากลำบาก ดังนั้น จึงได้ให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันปกป้องดอยหลวงเชียงดาวไว้ให้ได้ อย่างน้อยจนกว่าจะถึงช่วงฤดูฝน.