ภูเก็ตเร่งแก้ปัญหาเด็กนร.พังงาเดินทางเข้าออกด่านท่าฉัตรไชยทุกวัน

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

วันที่ 6 ก.ค.64นายปิยพงศ์  ชูวงศ์  รองผู้ว่าราชกรจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยหลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหากรณีที่มีนักเรียนที่เรียนในสถานศึกษาจังหวัดภูเก็ตแต่มีที่อยู่อาศัยในจังหวัดพังงาซึ่งต้องเดินทางผ่านเข้าออกด่านท่าฉัตรไชยทุกวันเพื่อมาเรียนหนังสือในสถานศึกษาที่จังหวัดภูเก็ตว่า  หลังจากจังหวัดภูเก็ตเพิ่มความเข้มในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่1กรกฏาคมที่ผ่านมาส่งผลให้นักเรียนที่ต้องเดินทางเข้าออกทุกวันมีปัญหาเพราะบางคนที่อายุต่ำกว่า18ปีก็ต้องมีการตรวจตามที่ทางคำสั่งจังหวัดส่วนที่อายุเกิน18ปีต้องฉีดวัคซีนหรือต้องมีการตรวจโรคเช่นกันหากยังไม่ฉีดวัคซีน  ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อนักเรียนทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้ามาเรียนได้ซึ่งตอนนี้เนื่องจากมาตรการเรามีความเข้มข้นขึ้น ตั้งเเต่1กค เป็นต้นไปจะไม่มีการละเว้น เพราะมีมาตรการหลัก 3ข้อคือ 1.วัคซีน2เข็ม หรือ AZก็ 1โดส ได้ 14วัน 2.ต้อง swopมา 3.ต้องหายป่วย ซึ่งมีน้อย เพราะฉะนั้นเด็กนักเรียนมีปัญหาว่า จังหวัดภูเก็ตมีนักเรียนจำนวนหนึ่ง ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ข้ามไปกลับทุกวันเพื่อมาเรียนหนังสือ เราก็จะทำยังไงดี เพราะถ้าปฏิบัติตามมาตรการจริงๆ น้องๆนักเรียนเหล่านี้ต้อง swop เเล้วถือผล swopได้ เดือนหนึ่ง อันนี้ไม่ได้อยู่ในมาตรการหลัก เพราะมาตรการหลักต้องถือผลswop 72 ชม เเต่ก็เนี่ยเป็นเด็กที่ข้ามไปทุกวัน เเล้วก็ไม่ได้มาจากท้องที่อื่น ส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆกัน

เเต่พอมาเป็นเเบบนี้เเล้ว มาตรการส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ มีความหละหลวม เเล้วบางทีทางตำรวจที่อยู่ข้างหน้าด่าน อาจต้องใช้ดุลพินิจมาก เราจึงดำเนินการอย่างนี้ประการเเรก เราทำการสำรวจตัวเลขก่อน เด็กนักเรียนเเละนักศึกษาที่อายุ18ปีขึ้นไป มีจำนวนเท่าไหร่ที่ต้องฉีดวัคซีน รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาด้วย เราได้ตัวเลขมาที่ 4300 กว่าราย ซึ่งตรงนี้เราก็กำหนดนัดว่า เราจะฉีดวัคซีนให้ทั้งหมด ซึ่งเราจะฉีดให้วันที่15ก.ค นี้ โดน ท่านนายเเพทย์ เฉลิมพงษ์ สุคลธผล ท่านผอ.โรงพยาบาลวชิระ ท่านก็บริหารจัดการให้คุณหมอ วิฑิตตา ไปจัดการการลงทะเบียน เปิดศูนย์ ก็ตัดปัญหาไป สำหรับนักเรียนนักศึกษา บุคลากรที่อายุเกิน18ปีขึ้นไป ส่วนกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 18ปี ก็มีมาตรการว่า ทางจังหวัดทำการswopเด็กเหล่านี้ทุกเดือน ทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่ไปกลับ ทั้ง100%เเละผลswopที่ถือไว้ จะใช้ได้ 1 เดือน หมายความว่า 1 เดือนก็ต้องswopใหม่ อันนี้เป็นมาตรการที่จังหวัดวางไว้ ส่วนกลุ่มอื่นๆที่ไม่ได้ไปกลับ จะสุ่มswopสัก 30% ในเดือนหนึ่ง คนที่อยู่ในภูเก็ต เด็กๆนี้ จะถูก swop สัก30% สัก 3เดือน ทุกคนได้swopเเน่นอน เพื่อทำให้กลุ่มนักเรียนมีความปลอดภัยขึ้น ก็คิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เเต่ในระหว่างที่ไม่มีผลswopนี้ ทางจังหวัดจะให้ทำบัตร1ใบ ซึ่งลงนามโดย เเบ่งสายกัน ทางเทคนิค อาชีวะ มีผู้บริหารระดับสูงของเขาลงนาม ฝ่ายประถมศึกษาก็ลงนามโดย ผอ.ประถมศึกษา1คน ทางมหาลัยราชภัฏเเละมอ. ก็เป็นผู้ลงนาม ต่อไปนี้จะมีบัตรเเบบเดียวกัน ไม่ว่าโรงเรียนไหน เพราะฉะนั้นนับเเต่วันที่ 16 เป็นต้นไป เด็กทุกคนจะมีบัตรเหมือนกัน เเต่ลายเซ็นไม่เหมือนกัน เพราะว่าอยู่ที่สังกัดของเด็กเเต่ละคน เเละเมื่อมีรายชื่อเด็กเหล่านี้ ก็จะต้องมีการส่งบัญชีรายชื่อของเด็กมาที่ด่านด้วย เพื่อให้ตำรวจตรวจ ในกรณีที่7วันเเรกยังไม่ถึงคิวswop เเสดงบัตรนี้ เราจะอนุโลม

นาย  ปิยพงศ์  กล่าวต่อไปว่า วันนี้เริ่ม swopละ เพราะงั้นเด็กกลุ่มนี้จะเริ่มมีผลswopตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป และเด็กจะได้รับบัตรไม่เกินวันที่15 ทุกคน ส่วนที่18ขึ้นไป มีวัคซีนได้เเล้ว ถ้าคุณไม่มี ก็ไม่ต้องมาอ้างเลย บางคนเรียนมหาลัย บอกไม่มีวัคซีน ไม่ได้ ดังนั้นคุณก็swopมา นี่ก็เป็นข้อสอบถามในที่ประชุมว่า ทำยังไงดี สำหรับเด็กเกิน 18 ปี  ในช่วงที่ยังได้วัคซีนไม่ครบ ก็ยังใช้ใบนี่ช่วยในการผ่านอยู่ เป็นกลุ่มพิเศษ ที่เราคำนวณเเล้วว่าไม่เสี่ยง เพราะเขาไปกลับ เขาไม่ได้เสี่ยงส่วนค่าใช้จ่ายฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เราดูเเลเเม้กระทั่งเด็กภูเก็ต ที่ไปเรียนฝั่งนู้น เราก็ดูเเลเเเบบเดียวกัน

สำหรับในส่วนของผู้ปกครอง เว้นไว้ก่อน มีตัวเลขเพิ่มขึ้น 6พันคน ซึ่งเมื่อวานนี้ท่านผู้ว่าได้ประสานตรงกับท่านผู้ว่าพังงา ว่าช่วยให้ความอนุเคราะห์ดูเเล ซึ่งผู้ว่าพังงาก็บอกว่า อันนี้ดูเเลอยู่เเล้วเเต่เท่าที่ปริมานวัคซีนเขามีอยู่ในมือนะ ผู้ปกครองนี้ถ้าตัวไม่มีวัคซีนมา ต้องswopอย่างเดียว จะมาพ่วงลูกตัวเองเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด

ทั้งนี้กรณีนี้จะใช้กับนักเรียนที่มีที่อยู่อาศัยในจังหวัดพังงาจังหวัดเดียวเท่านั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้นักเรียนที่ต้องเดินทางเรียนให้ได้มาเรียนหนังสือตามปกติแต่ก็ต้องดำเนินการตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-9ของจังหวัดภูเก็ตอย่างเคร่งครัดด้วย

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่