เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
“บุ๋ม ปนัดดา” ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม เปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็น บอกปีนี้น้ำมาเร็วกว่าปี 54 คาดปทุมธานี นนทบุรี มาแน่ วางแผนช่วยเหลือตามระดับน้ำและเคสหนัก เลยจุดเหนื่อย แต่พักไม่ได้ หยุดทำแล้วมันปวดใจ คนขอความช่วยเหลือเยอะมาก ทุกวันและทุกเรื่อง ได้นอนแค่วันละ 2-4 ชม.
ทั้งส่งทีมเข้าช่วยเหลือ ทั้งลงพื้นที่เองตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ สำหรับนางฟ้าจิตอาสา “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ที่หมั่นทำดีจนแทบไม่มีเวลาพัก ยิ่งล่าสุดกับสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายจังหวัด ก็จัดกำลังส่งความช่วยเหลือแบบเต็มที่ วันนี้ได้เจอเจ้าตัว ที่มารับมอบสิ่งของจำเป็นในสถานการณ์โควิด-19 จากค่ายเพลงข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็เลยขออัปเดตเรื่องน้ำท่วมกันสักหน่อย ว่ายังมีอะไรขาดเหลือต้องเปิดรับบริจาคด่วนอีกบ้าง
“จริงๆ แล้วเรามีการส่งเจ้าหน้าที่ทีมงาน ซึ่งเราก็ต้องดูแลในเรื่องของน้ำมัน ของถุงยังชีพเบื้องต้น ที่ลงไปในแต่ละพื้นที่ที่เราได้รับแจ้ง ว่าให้มีการอพยพประชาชนด่วน ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ไป ก็จะมีลพบุรีกับชัยภูมิก่อน หลังจากนั้นระดับน้ำก็จะขึ้นสูงอยู่ที่สุโขทัยแล้วก็เพชรบูรณ์ แต่บังเอิญ 2 จังหวัดนี้ เรามีทีมงานขององค์กรทำดีประจำอยู่แล้ว ก็มีการช่วยเหลือเบื้องต้นกันไป
แล้วก็มีการหาผู้สูญหาย 2 ราย ตอนนี้เจอ 1 หายไปอีก 1 ล่าสุดก็เลยได้ลงพื้นที่บางบาน จ.อยุธยาด้วย ซึ่งน่าสงสารมาก ตรงที่ก่อนหน้านี้ 5-6 วัน ก่อนเราจะลงไป เราเพิ่งช่วยเรื่องของโควิดไปเอง เพราะพวกเขาโดนกักตัวอยู่ในบ้าน กลายเป็นว่ากำลังจะออกจากบ้าน ก็ยังไม่ได้ซื้อของซื้ออะไรกันเลย น้ำก็มาถึงบ้าน ระดับน้ำขนาดบ้านที่ถมแล้วยังเมตรครึ่ง ด้านนอกคือ 4 เมตร
น้ำมาเร็วมาก เร็วกว่าปี 54 เพราะตอนนั้นยังรู้ว่ามวลน้ำค่อยๆ มาทีละจังหวัด ยังตั้งตัวย้ายของทัน แต่ปีนี้ไม่ทันจริงๆ เราก็จะได้เห็นน้ำที่กระจายเต็มทั่วไปเลย ก็คิดว่าปทุมธานีกำลังจะมา ถ้าดูจากมวลน้ำแล้ว นนทบุรีก็ต้องเฝ้าระวังค่ะ”
การวางแผนช่วยเหลือต้องดูตามระดับน้ำ ส่วนถุงยังชีพต้องเป็นของพร้อมทานต่างกับโควิด ต้องมีถุงดำไว้ขับถ่าย และเทียนไขกับไฟแช็กด้วยเพราะไฟฟ้าโดนตัด
“ณ วันนี้คือดูตามระดับน้ำด้วย แล้วก็ดูสิ่งที่เราสามารถทำได้ เราเข้าไปได้ อย่างวันนี้ก็มีทีมลงไปที่ขอนแก่นเลย เรามักจะทำงานกันค่อนข้างจะเร็วค่ะ น้ำมาปุ๊บเราลงไปทันที มันจะช่วยเหลือได้ง่ายและเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยได้เร็วกว่า แต่ทีนี้ในส่วนของที่เป็นแบ็กอัปอย่างพวกเรา ก็จะเตรียมในส่วนของถุงยังชีพ
ซึ่งจะต้องแตกต่างจากถุงของโควิด โควิดต้องเป็นข้าวสารอาหารแห้ง คือเขาสามารถอยู่ในบ้านตามปกติได้ อาจจะมียารักษาโรคเบื้องต้นให้กับเขาด้วย แต่ในส่วนของน้ำท่วม โดนตัดไฟนะคะ ดังนั้นอย่าหวังว่าจะหุงข้าวได้ ก็อาจจะต้องเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นถ้วยร้อน ที่จะช่วยเขาได้ รวมถึงในส่วนของอาหารกระป๋องที่เปิดฝาง่ายๆ แล้วก็น้ำดื่มที่เราต้องการมากๆ
แล้วก็ถุงดำ เพราะว่าบางบ้านห้องน้ำอยู่นอกบ้าน เป็นส้วมซึม ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างพอน้ำท่วมแล้วมันจะลอยขึ้นมา เขาไม่สามารถขับถ่ายได้ ก็จะต้องมีถุงดำให้กับเขา และที่สำคัญที่ต้องมีในถุงยังชีพ คือเทียนไขกับไฟแช็กค่ะ เพราะบ้านโดนตัดไฟ สัตว์เองก็หนีน้ำค่ะ งู ตะขาบ กิ้งกือ ทุกอย่างมันหนีน้ำมาอยู่ที่ผ้าห่ม และมุ้งของผู้ประสบภัย ก็เลยควรจะมีเทียนไขกับไฟแช็กเพื่อเขาจะได้มีแสงสว่าง แล้วก็ดูแลตัวเองยามค่ำคืนได้”
ยังขาดสิ่งของที่ต้องการอีกเยอะ
“เราก็ลืมโพสต์บ้างอะไรบ้าง เพราะทำงานหนัก วันๆ ต้องรับเคสที่มันไม่ใช่เรื่องของน้ำท่วมอย่างเดียว โควิดก็ยังต้องดำเนินการอยู่ ในส่วนของคดีข่มขืนอะไรก็ยังมาอยู่ เลยกลายเป็นว่าวุ่นทั้งวันเลย ลืมโพสต์ว่าขออะไรบ้าง แต่ที่อยากได้ตอนนี้คืออาหารแห้ง ไม่ว่าจะเป็นโควิดหรือน้ำท่วมก็ตาม หรือจะเป็นถุงดำ ที่อยากได้เพิ่มด่วนก็คือเทียนกับไฟแช็ก”
เป็นนักกู้ภัยทางน้ำอยู่แล้ว เลยสามารถเซฟตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เวลาลงพื้นที่
“เราโชคดีตรงที่ทำงานตรงนี้มานาน ถ้าจำได้คือเราลงน้ำท่วมทุกปีอยู่แล้ว แล้วเราเป็นนักกู้ภัยทางน้ำอยู่แล้ว ก็เลยสามารถที่จะช่วยเซฟตัวเองได้ในระดับหนึ่ง คือสิ่งที่สำคัญคือ เราจะทำงานร่วมกับทีมงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะเราจะไม่รู้เลย ว่าซอยอยู่ไหน ทางเป็นยังไง เราต้องทำร่วมกับเขาเพื่อเขาจะได้บอกเราว่าตรงไหนไปได้ ตรงไหนไปไม่ได้ ห้ามประมาทเด็ดขาด”
พื้นที่ต่อไปจะเข้าช่วยเหลือ อาจจะเป็นนครนายก เพราะจากที่เห็นตอนนี้ 150 ครัวเรือนมีคนแก่เยอะมาก
“กำลังเคลียร์กันอยู่ค่ะ ตอนนี้น้ำมานครนายกแล้ว ก็อาจจะต้องลงนครนายกก่อน เพราะตอนนี้เห็น 150 ครัวเรือน ที่น้ำล้อมอยู่แล้วมีแต่คนแก่ๆ อยู่ในนั้น เราจำเป็นต้องเช็กก่อน ว่ามีผู้ป่วยติดเตียงไหม เพราะบางบ้านต้องมีพวกเครื่องดูดเสมหะ ออกซิเจน ที่ต้องใช้ไฟฟ้า เขาไม่สามารถอยู่ในบ้านที่โดนตัดไฟได้ เราก็ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลุ่มนี้ก่อน ก็ขออนุญาตดูแลตามพื้นที่ ที่น้ำเริ่มเข้ามา”
มีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือเยอะ ในทุกๆ วันและทุกๆ เรื่อง
“เยอะอยู่แล้วค่ะ เยอะทุกๆ วัน ทุกๆ เรื่องค่ะ เราก็เลือกเคสที่หนักก่อนค่ะ แล้วก็ต้องดูด้วย ว่าเจ้าหน้าที่เราอยู่ในพื้นที่ไหม ก็จะต้องดูแต่ละพื้นที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ไหม แต่โชคดีที่องค์กรทำดีเรามีสาขาเยอะ เราค่อนข้างจะทำงานเร็ว ก็ส่งกำลังใจให้กับพี่ๆ น้องๆ ที่ประสบภัยทุกๆ คนด้วย แล้วก็ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด่านหน้า ห้ามประมาทเด็ดขาดค่ะ ยังไงก็ปลอดภัยทุกคนค่ะ”
เหนื่อยถ้าหยุดไม่ได้ เพราะหยุดทำแล้วมันปวดใจ
“เหนื่อย ยังไม่ได้หยุดเลย ตั้งแต่เมษายนมา ถ้าดูในไอจี ทุกคนจะเห็นว่าเราทำงานทุกวันจริงๆ ยังไม่ได้หยุดเลยสักวันเดียว ดังนั้นถามว่าเหนื่อยไหม มันเลยจุดนั้นแล้วละ แต่ถ้าไม่ทำเนี่ย จะปวดใจมากกว่า เราเลยหยุดไม่ได้ ทีมงานลูกน้องเราทุกคน มีความกระตือรือร้นที่จะช่วยคนเยอะมาก ดังนั้นมันก็ต้องทำค่ะ ตอนนี้ก็สั่งเรือเพิ่มเรียบร้อยแล้ว นอนวันละ 2-4 ชั่วโมง ลูกก็ชินแล้ว”