๐ ต่อจากนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องจัดเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรี เขต 3 ถึงแม้พรรคพลังประชารัฐจะประกาศว่าเตรียมส่งผู้สมัครไว้แล้ว แต่หลังฉากคนละเรื่องเดียวกัน คนใน พปชร.เอ่ยปากเอง เลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่ง่าย ถึงแม้ว่าปี 62 ปารีณาจะชนะทิ้งห่าง 46,409 คะแนน รอบนี้ประมาทคู่แข่งไม่ได้เลย โดยเฉพาะ “ส.จ.เส็ง” ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ อดีตผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนเป็นอันดับสอง 29,423 คะแนน อย่าลืมตอนนั้นกระแสลุงตู่มาแรงมาก ขณะที่ในเวลานี้เมืองโอ่งแตก แยกเป็น 2 ก๊ก เจ๊บุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคเดียวกัน ซึ่งอยู่กลุ่มสามมิตร ดูท่าจะปันใจช่วยฝั่งพรรคพระแม่ธรณีฯ มากกว่า ที่มีบุญคุณที่เคยช่วยสามี “กำนันตุ้ย” วิวัฒน์ นิติกาญจนา คว้าเก้าอี้นายก อบจ.ราชบุรี เดือน ธ.ค.63 งานนี้ยังไม่รู้ว่าปารีณาจะส่งสีหเดช ไกรคุปต์ นายก อบต.บางโตนด อ.โพธาราม พี่ชายตัวเองลงชิงหรือเปล่า พปชร.คงไม่อยากให้ซ้ำรอยเลือกตั้งซ่อม กทม. เขตหลักสี่ ที่เสี่ยสิระ เจนจาคะ ส่งมาดามหลี-สรัลรัศมิ์ ภรรยาสุดที่รัก ลงแข่งรักษาพื้นที่ ก่อนจะพ่ายยับหมดรูป
๐ เล่นเอาหนาวๆ ร้อนๆ สำหรับนักการเมืองกว่า 60 คน ที่ ป.ป.ช.กำลังสอบปมที่ดินเข้าข่ายรุกป่าสงวนแห่งชาติ โดยเฉพาะ “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทยและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เรื่องอยู่ในขั้นของคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีถือครองที่ดิน น.ส. 2 ดงพระทาย จ.นครพนม จำนวนหลายร้อยไร่ ใกล้จะสรุปเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่เต็มทีแล้ว แต่ถ้านับเป็นคดีที่สองที่จะเข้าสู่ศาลฎีกาประเด็นผิดจริยธรรมร้ายแรง ต่อจากปารีณา คงไม่ใช่กรณีรุกป่า โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2565 ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ชี้มูล “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีโพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควร โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัย น.ส.พรรณิการ์ เป็นนิสิต ซึ่งเป็นภาพและข้อความที่ปรากฏอยู่ในเฟซบุ๊กที่มีการเผยแพร่มาตลอด กระทั่งดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส.ก็ไม่มีการลบข้อความและภาพดังกล่าวแต่อย่างใด คดีนี้ก็ฝีมือนักร้องคนเดียวกับเอ๋ ก็คือศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ยื่นเรื่องไว้ 11 มิ.ย.2562
๐ คิดเอง ล้มเอง! “เดิมมุ่งหวังเพียงจะให้เห็นภาพเราสามัคคีกันในบรรดา 3 อำนาจที่ทำงาน ฝ่ายบริหารฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ มาเจอรดน้ำอวยชัยให้พรซึ่งกันและกัน แต่ปรากฏว่าสถานการณ์มันไม่เหมาะ ดังนั้น อย่าทำเลยดีกว่า นายกฯ ได้ติดตามดูและตัดสินใจทุกครั้ง อะไรมันดีไม่ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม” สองสัปดาห์ก่อน “บิ๊กตู่” ปิ๊งไอเดีย เปิดทำเนียบรัฐบาลจัดงานเลี้ยงปีใหม่ไทย ชวน ครม. ส.ส. ส.ว. มาทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัว กินข้าวเที่ยงกัน ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาพอสมควร แต่ยังไม่เริ่มก็ล่มซะแล้ว หลังเจอฤทธิ์เดชของโอมิครอน BA.2 ที่แพร่ระบาดรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม ทำตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดของไทยพุ่งกว่า 2 หมื่นรายอย่างต่อเนื่อง ถ้านับผลตรวจ ATK อีกกว่า 2 หมื่นคน ยอดรวมทะลุ 5 หมื่นทุกวัน ล่าสุดวันที่ 7 เม.ย. ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 26,081 ราย ผลตรวจ ATK 24,728 ราย รวมแล้ว 50,809 ราย ส่วนจังหวัดที่ครองแชมป์มากสุดมาตลอดก็คือ กทม. ขืนบิ๊กตู่เดินหน้าต่อ เกิดกลายเป็นคลัสเตอร์นายกฯ ขึ้นมายุ่งแน่ เลยต้องสั่งยกเลิกไปเลย เหลือเพียงการทำบุญรดน้ำเฉพาะภายในทำเนียบฯ เอง พร้อมถือโอกาสนำร่องให้หน่วยงานต่างๆ ยึดเป็นแบบอย่าง ต่างคนต่างจัดกันเองภายใต้มาตรการโควิดฟรีเซตติ้ง.
ลี้คิมฮวง