ปิดจ็อบอย่างสุดเฉียบกับผลงานของทีมชาติไทย หลังรัวกระสุนเข้าเป้าแบบกำลังดี เอาชนะในถิ่นสิงคโปร์ ต่อหน้าแฟนบอลแดนลอดช่องไปด้วยสกอร์ 2-0 จากการยิงคนละเม็ดของ เอเลียส ดอเลาะ และศุภชัย ใจเด็ด ผงาดแชมป์กลุ่ม เอ ซิวชัยรวด 4 นัด เก็บ 12 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายไปแบบสวยหรู ชนิดที่ต้องยกนิ้วโป้งให้เลยทีเดียว
1. ซูฮก “โค้ชโพลกิ้ง”
สิ่งแรกต้องขอคาราวะ มาโน่ โพลกิ้ง คือกล้าเสี่ยงเปลี่ยนนักเตะยกชุด เพื่อพักตัวหลักในเกมกับเจ้าภาพแบบนี้ ก่อนเกมแฟนบอลหลายท่านคงอุทานกันเป็นแถบ ถึงการจัดตัวชนิดที่คาดไม่ถึง จนวิตกกังวลกันถ้วนหน้าว่า เกมนี้จะรอดหรือ ?
แต่สุดท้ายลูกทีมของอดีตกุนซือทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้โดยไม่ต้องใช้ตัวหลักอะไรเลย และแสดงให้เห็นว่านักเตะที่เลือกมาทั้ง 30 คน (ภายหลังเหลือ 28 คน) ชุดนี้ของ “มาโน่” คุณภาพคับแก้วทุกราย สามารถทดแทนกันได้หมดในการเจอกับทีมระดับภูมิภาคอาเซียน เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมทั้งนักเตะ และโค้ช ที่กล้าเดิมพันสูงกับนัดชี้ชะตาแย่งแชมป์กลุ่ม
2. ช้างศึกตัวจริงชุดที่ 2
แฟนบอลอย่าลืมว่า นักเตะชุดนี้ที่ลงสนามไปดวลกับสิงคโปร์ พวกเขาเป็นผู้เล่นตัวหลักให้กับสโมสรต้นสังกัดทุกคน ประสบการณ์ที่โลดแล่นลุยศึกไทยลีกมาแทบทุกเกมในช่วงที่ผ่านมา มันแสดงให้เห็นแล้วว่า ทุกคนสามารถรับใช้ทีมชาติไทยได้หมด อยู่ที่ตัวของเฮดโค้ชว่าจะส่งลงสนามหรือเปล่าแค่นั้นเอง กระทั่งได้รับโอกาสพวกเขาก็สามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของ “มาโน่” ได้สำเร็จทันทีจากผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น
ถือเป็นข้อดีเอามาก ๆ เพราะจากการโชว์ฟอร์มได้สุดสะแด่วของผู้เล่นในเกมนี้ อาจทำให้เกมรอบรองชนะเลิศ ขุนพลลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม งานนี้บรรดาผู้เล่นตัวหลัก ๆ คงจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว อาจต้องเค้นฟอร์มออกมาให้เข้าตา “มาโน่” ระหว่างฝึกซ้อมกันเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงกันเป็นแถบแน่นอน มันจึงเป็นข้อดีที่จะทำให้ทุกคนมีความกระตือรือร้น และการแข่งขันภายในทีมสูงขึ้นไปอีกขั้น
3. “เอเลียส-ปวีร์” ร่างเทพ
2 กองหลังที่ถูกแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์กันแบบไม่ใยดีไม่ว่าจะเป็น เอเลียส ดอเลาะ และ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ แต่พวกเขาทั้งคู่สามารถลบคำสบประมาทไปได้โดยปริยาย ด้วยการโชว์ผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้คนบางส่วนที่วิจารณ์ว่า ฟอร์มไม่ดี อย่าเอาลงสนามเลย อาจเป็นบ่อน้ำมันชั้นดีแน่ ๆ และอีกต่าง ๆ นา ๆ มากมายที่มักพูดถึงกันในเชิงดูถูก ฯลฯ
ทว่า เอเลียส ดอเลาะ ซัดประตูแรกให้ทีมขึ้นนำ แถมตลอดทั้งเกมยังงัดฟอร์มได้แบบแข็งแกร่ง ไร้เทียมทาน ยากที่แนวรุกคู่แข่งจะเจาะเข้าทำประตู เฉกเช่นเดียวกับ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ ที่แสดงให้เห็นถึงความดุดัน แถมยังมีความนิ่งในการสกัดบอลแบบจับวาง เชื่อเหลือเกินว่าจากฟอร์มสุดยอดของทั้งคู่ อาจทำให้ “มาโน่” ถึงกับคิดหนักว่า เกมหน้าจะเอาอย่างไรดีกับตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
4. ขอติ = เพื่อก่อ
มีข้อดีหมดคงไม่ได้ หากเรียนตามตรงข้อเสียก็มีอยู่ โอกาสเราบางทีใช้ค่อนข้างเปลือง เกมนี้โอกาสจบสกอร์ 11 ครั้ง ยิงตรงกรอบ 5 ครั้ง และไม่ตรงกรอบ 6 ครั้ง แม้จะนำมาซึ่ง 2 ประตูก็ตาม แต่หากเป็นเกมที่ดูอึดอัด หรือว่าค่อนข้างสูสี เมื่อเรามีจังหวะแล้วควรจบสกอร์และต้องเปลี่ยนเป็นประตูให้ได้
อย่างไรก็ตามตอนที่เรายังไม่ได้ประตูแรก เกมของทัพ “ช้างศึก” ดูเป็นรองสิงคโปร์พอสมควร โดนกดดันมาเป็นระลอก ๆ แต่ยังดีที่เกมรับของเรายังช่วยกันปัดกวาดสกัดกั้นได้ดี แต่จากนี้ไปตั้งแต่รอบตัดเชือก จุดที่ต้องแก้ไขตรงนี้ หวังว่าจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ในเรื่องลูกทีเด็ดทีขาด เพื่อเป้าหมายที่เราตั้งไว้คือแชมป์ “เอเอฟเอ ซูซูกิ คัพ 2020”
5. ไม่ผิดหวังที่เฝ้ารอ “วีระเทพ”
เชื่อว่าแฟนลูกหนังชาวไทยทั่วทั้ง 77 จังหวัด ที่อยากเห็นฝีเท้าของ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ มิดฟิลด์จากเวทีโต๊ะเล็กสู่ฟลอหญ้าสนามใหญ่ของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด เจ้าของสถิติอันดับหนึ่งนักเตะจ่ายบอลมากที่สุด 884 ครั้งในศึกไทยลีก 2021-22 เลกแรกที่ผ่านมา ที่ได้ให้แฟนบอลได้ยลฟอร์มเต็มตาตลอด 90 นาทีในเกมนี้
จากการลงตัวจริงเกมแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ เขาสามารถโชว์ฝีเท้าได้เปรี้ยงปร้างเอามาก ๆ จน “เอเอฟเอฟ” มอบรางวัล “Most Energetic Player” หรือนักเตะเจ๋งที่สุดในสนามไปครองครอบ ด้วยสถิติยืนหนึ่งในสนามอย่างมากมาย ต้องบอกเลยว่างานนี้ “มาโน่” จะว่าอย่างไรเมื่อเห็นฟอร์มของเขาสุดยอดแบบนี้ โอกาสจะเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในเกมรอบรองชนะเลิศมีสูงเลยทีเดียว
“กอล์ฟ เบนเทเก้”
Add friend ที่ @Siamsport