ตรวจเชื้อเข้ม-สกัดโควิด
กทม.วุ่นคลัสเตอร์ใหม่
แคมป์คนงาน-หมูกระทะ
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
สั่งทุกจว.ตรวจเข้มคนกลับตจว.ฉลองช่วงปีใหม่ ป้องกัน โควิดระบาด นายกฯ เร่งฉีดวัคซีนทุกกลุ่ม ‘หมอธีระ’ ห่วง ‘โอมิครอน’ลาม แนะเลี่ยงจัดปาร์ตี้ปีใหม่ เดินทาง ท่องเที่ยว ฉลองกับคนในบ้านก็พอ ‘อนุทิน’ ยันอีกโควิดกระจอก หากพร้อมใจกันป้องกัน ‘สาธิต’ เชื่อโอมิครอนเข้ามาไทยแล้ว ไทยติดเชื้อใหม่ 3,537 ราย ตายเพิ่ม 41 กทม.วุ่น คลัสเตอร์หมูกระทะย่านคลองเตย ศธ.จับมือสธ.เร่งฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ให้ครู บุคลากรภายใน 3 เดือน เจ้าอาวาสวัดดังจันทบุรี เจอพิษโควิด ประกาศขายควายเผือก 2 ตัว หาเงินเป็นค่าน้ำค่าไฟ หลังญาติโยมทำบุญน้อยลง
ติดเชื้อใหม่ 3,537-ตายอีก 41
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. พญ. อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,537 ราย ติดเชื้อในประเทศ 3,338 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,293 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 45 ราย มาจากเรือนจำ 182 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 17 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 5,459 ราย อยู่ระหว่างรักษา 43,479 ราย อาการหนัก 972 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 254 ราย
เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 41 ราย เป็นชาย 21 ราย หญิง 20 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 33 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย ผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่นครศรีธรรมราช 6 ราย ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,185,497 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,120,691 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,327 ราย
ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 16 ธ.ค. 416,336 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 98,856,753 โดส
“ขอเน้นย้ำสำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วเก็บเอกสารยืนยันไว้เพื่อใช้สำหรับยืนยันข้อมูลในการเข้ารับบริการกิจกรรมหรือกิจการต่างๆ และขอเตือนอย่าปลอมแปลงเอกสารเนื่องจากกรณีนี้มีผู้ถูกจับกุมแล้วที่จ.อุดรธานี จึงขอให้หน่วยงานตรวจสอบคัดกรองให้เข้มงวด อย่างไรก็ตาม จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวสีฟ้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากร 60% ขอให้เร่งระดมฉีดเพิ่มเติม ประกอบด้วย เลย หนองคาย อุดรธานี ส่วนจังหวัดฉีดวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากรค่อนข้างน้อย และขอให้เร่งระดมฉีดด้วยเช่นกัน ประกอบด้วย ปัตตานี ราชบุรี นครนายก และกาญจนบุรี ขอให้แต่ละจังหวัดจัดกิจกรรมฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เพื่อให้เข้าถึงทั้งแรงงานประมง ค่ายผู้อพยพและแรงงานผิดกฎหมาย ขณะที่นายจ้างสามารถนำแรงงานมาดำเนินการฉีดได้ ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 273,218,485 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 5,352,581 ราย”
กทม.วุ่นคลัสเตอร์หมูกระทะ
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดได้แก่ กทม. 578 ราย นครศรีธรรมราช 208 ราย ชลบุรี 166 ราย สงขลา 137 ราย สมุทรปราการ 128 ราย สุราษฎร์ธานี 89 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 78 ราย พัทลุง 77 ราย ปัตตานี 74 ราย เชียงใหม่ 65 ราย โดยมีคลัสเตอร์ใหม่ในหลายพื้นที่ ได้แก่ คลัสเตอร์เรือนจำ พบที่กระบี่ ปัตตานี คลัสเตอร์โรงงานและบริษัท พบที่ปราจีนบุรี ระยอง ชลบุรี คลัสเตอร์ห้างสรรพสินค้าพบที่ประจวบคีรีขันธ์ คลัสเตอร์ตลาดพบที่อ่างทอง ลพบุรี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช คลัสเตอร์งานศพ พบที่นราธิวาส แม่ฮ่องสอน คลัสเตอร์แคมป์คนงาน พบที่กทม.เขตคลองเตย และชลบุรี ซึ่งในส่วนกทม.ยังมีคลัสเตอร์หมูกระทะที่เขตบางกะปิ ขณะที่คลัสเตอร์โรงเรียนพบที่สมุทรปราการ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และคลัสเตอร์โรงเรียนนายสิบทหารบก ประจวบคีรีขันธ์ โดยวันนี้มี 2 จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มคืออุตรดิตถ์และอำนาจเจริญ
สั่งตรวจเข้มคนกลับบ้านปีใหม่
“อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้แต่ละจังหวัดเฝ้าคัดกรองคนที่จะกลับบ้าน เนื่องจากอาจจะมีการติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ และเมื่อจบเทศกาลปีใหม่แล้วมีการเดินทางกลับมาทำงานก็มีความเสี่ยง จึงขอเน้นย้ำสถานประกอบการโรงงานคัดกรองบุคคล เพราะมีความเสี่ยงจากการพบปะสังสรรค์หากมีการติดเชื้อ”
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ส่วนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 1-16 ธ.ค. รวม 122,363 ราย พบผู้ติดเชื้อ 226 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.18 โดยประเทศที่เดินทางเข้ามากที่สุด ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส และยืนยันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในไทยยังอยู่ที่ 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางเข้ามาในระบบ Test and Go ทั้งนี้ ภาพรวมการเดินทางเข้าประเทศ แม้อัตราผู้ติดเชื้อไม่สูงแต่ต้องเตรียมรองรับกรณีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้ที่เข้ามาแม้จะมีการตรวจคัดกรองจากต้นทางและผลเป็นลบแล้ว แต่อาจมาตรวจพบผลเป็นบวกในบ้านเรา ซึ่งมีหลายประเทศปฏิเสธการใส่หน้ากากอนามัย จึงต้องเน้นย้ำว่าเมื่อเข้ามาแล้วต้องปฏิบัติตามสาธารณสุขไทย ถ้าหากไม่ใส่หน้ากากจะต้องถูกปรับ 20,000 บาท และสถานประกอบการโรงแรมสามารถปฏิเสธการให้บริการได้
พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า ข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 ฉบับที่ 40 ที่จะมีผลเน้นย้ำในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขอย้ำกรณีที่จะมีการจัดงานกิจกรรมในพื้นที่บางจังหวัดเกินจำนวน 1,000 คน จะต้องมีผลฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ให้บริการครบทุกคน มีการตรวจ ATK ผลเป็นลบใน 72 ชั่วโมงก่อนเริ่มงาน รวมทั้งผู้ร่วมงานจะต้องมีหลักฐานฉีดวัคซีนครบทุกคน มีการตรวจ ATK ผลเป็นลบใน 72 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน แต่ถ้ากรณีผู้ร่วมงานต่ำกว่า 1,000 คน ผู้จัดงานก็ต้องเคร่งครัดในส่วนของบุคลากรผู้จัดงาน มีการตรวจ ATK ผลเป็นลบใน 72 ชั่วโมง ส่วนผู้ร่วมงานขอหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสก็สามารถเข้าร่วมงานได้
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กวันเดียวกันนี้มีการหารือในรายละเอียดโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครได้รายงานว่ามีการพูดคุยกันเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถึงกรณีจัดงานคนเข้าร่วมน้อยกว่า 1,000 คน เช่น การจัดกิจกรรมปีใหม่ภายในครอบครัวที่มีคนร่วมหลักสิบหรือน้อยกว่า การจัดงานปีใหม่ในนามของบริษัทห้างร้านสถานประกอบการ หรือการเคานต์ดาวน์ของร้านอาหาร หรือสถานที่กลางแจ้งใดๆ ก็ตาม ทางกรมควบคุมโรคและศบค.ชุดเล็กพยายามให้มีข้อปฏิบัติที่ง่ายต่อการจัดงานทั้งผู้จัดงานและผู้ร่วมงานได้ศึกษา ทำความเข้าใจ เช่น มีการนำเสนอว่าต้องให้ผู้จัดงานที่มีการวางแผนว่าจะมีคนเข้าร่วมเกิน 300 คน ต้องขออนุญาตสำนักงานเขตหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งขอเน้นย้ำว่าการที่มีคนมารวมกัน มีการพบปะ สังสรรค์ ในช่วงปีใหม่ ยังถือเป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ที่เตรียมจัดงานและประชาชนเตรียมฟังข้อปฏิบัติจากทางกรุงเทพ มหานครและกระทรวงสาธารณสุขจะจัดทำเพื่อให้เข้าใจง่าย ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่จังหวัด เมื่อจะมีการจัดการเฉลิมฉลองก็อยากให้มีการกำหนดมาตรการสาธารณสุขที่ปลอดภัย เพราะถ้าไม่ได้ติดตามการประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้วทำไม่ถูกต้องก็อาจจะถือว่ามีความผิดได้ หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือเกิดการระบาดติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน
ศบค.ลุยตรวจเชียงใหม่-โคราช
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ในที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก เลขาฯ สมช.ในฐานะผอ.ศปก.ศบค.เน้นย้ำว่านายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค.ฝากให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเรื่องการใช้ ATK ชุดตรวจด้วยตนเอง เป็นการยกระดับมาตรฐานการจัดงานต่างๆ รวมทั้งการจัดงานปีใหม่ ซึ่งสถานประกอบการ ผู้จัดงานปีใหม่ ทำได้อยู่แล้ว เหมือนอย่างที่มีการรายงานเข้ามายังศบค.เป็นระยะๆ อยู่แล้ว เช่น งานกฐิน งานเลี้ยงพิธีกรรม งานประชุมผู้ปกครอง กิจกรรมกีฬา ฟุตบอล ฟิตเนส ซึ่งผู้จัดงานหลายแห่งให้ตรวจ ATK มีผลเป็นลบจึงจะให้เข้าร่วมงานได้ ดังนั้น อาจจะยกระดับมาในการจัดงานปีใหม่เพื่อความปลอดภัย
“ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ศบค.จะมีการลงพื้นที่เยี่ยมสถานที่ที่กำหนดให้มีการจัดงานปีใหม่ขนาดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา รวมทั้งจะมีการลงพื้นที่ที่จ.หนองคาย เนื่องจากในวันที่ 24 ธ.ค.นี้จะมีการเปิดด่านผ่านเข้าออกช่องทางบกแห่งแรก ระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาวเพื่อจะได้เป็นแนวทางให้กับอีกหลายจังหวัดที่จะมีการพัฒนาเป็นการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว การค้าแนวชายแดน โดยจะถือว่าหนองคายเป็นต้นแบบเทสต์แอนโกทางบกแห่งแรก โดยสปป.ลาวจะมีการเปิดประเทศในวันที่ 1 ม.ค. 2565 นอกจากจ.หนองคายที่เป็นจังหวัดนำร่องของไทยแล้วจะมีการพัฒนารูปแบบต่อเนื่องที่จ.มุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี”
พญ.อภิสมัยกล่าวในช่วงท้ายว่า ขอ เน้นย้ำว่าการอนุญาตหรือให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารหรือสถานประกอบการได้นั้นเป็นการเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ คือ 31 ธ.ค.2564 ถึงตี 1 ของ วันที่ 1 ม.ค. 2565 ดังนั้น สถานบริการ ผับบาร์ สถานบันเทิง ที่เปิดให้บริการและจำหน่ายแอลกอฮอล์ ถือว่ามีความผิด ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีรายงานเข้ามาว่ามีการเปิดแล้วในบางแห่งที่พื้นที่ในจ.กระบี่ เช่น อ่าวนาง ไร่เลย์ นั้น ขอย้ำว่ายังเปิดไม่ได้แม้จะเป็นสถานบริการที่ได้มาตรฐาน SHA หรือ SHAพลัส แล้วก็ตามก็ยังไม่อนุญาต ถ้ามีการกระทำผิด ททท.สามารถเพิกถอนตราสัญลักษณ์มาตรฐานดังกล่าวได้ เนื่องจากผู้ให้บริการไม่สามารถรักษามาตรฐานดังกล่าวนั้นไว้ได้ จึงต้องขอเน้นย้ำมาตรการป้องกันส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัยขอให้สวมอยู่ตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ก็จะทำให้เราผ่านเทศกาลปีใหม่ได้อย่างปลอดภัย
‘อนุทิน’เว้าโควิดกระจอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 16 ธ.ค. ที่ลานวัฒนธรรมเชียงคาน ถนนคนเดิน อ.เชียงคาน จ.เลย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขเป็นประธานเปิดงานมหกรรมขับเคลื่อนนโยบายเปิดเมืองเปิดประเทศ พร้อมนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าฯ เลย เจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ
นายอนุทินกล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานในบางตอนว่า ตนยังยืนยันโควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสติดเชื้อที่กระจอก แม้จะกลายพันธุ์เป็นหลายสายพันธุ์ ตราบใดยังคงเป็นโควิด-19 อยู่ ประเทศไทยเราพร้อมในเรื่องของวัคซีน ยิ่งปีหน้า 2565 ทั้งปี ชาวบ้านไม่ต้องไปจองฉีด สามารถฉีดได้ทั้งปี ไม่ว่าเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 ก็ฉีดให้และไม่ต้องมาจองอีก และไม่ต้องจองกับเอกชน ใช้ของรัฐดีที่สุด ขอให้คำยืนยันโรคโควิด-19 เป็นโรคระบาดระดับโลก แต่ไม่ใช่ประเทศไทย เราจะลดกลายเป็นโรคประจำถิ่น เป็นโรคติดต่อทั่วไป อย่างสมัยก่อนวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ เดี๋ยวก็ไปฉีดสายพันธุ์ A เดี๋ยวก็ไปฉีดสายพันธุ์ B วันนี้รวมฉีดเข็มเดียว วันหนึ่งโควิดก็ทำแบบเดียวกัน โรคไม่มีวันเก่งกว่าแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ วันนี้อาจค้นพบแล้วก็ได้ แต่ขายวัคซีนให้หมดก่อนแล้วค่อยเอาออกมา
ด้านนพ.สุวรรณชัยเปิดเผยว่า มหกรรมขับเคลื่อนนโยบายเปิดเมืองเปิดประเทศด้วยมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร(COVID Free Setting) ด้านการท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ท่องเที่ยวอ.เชียงคาน จ.เลย เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนในจ.เลย เขตสุขภาพที่ 8 และศูนย์อนามัยที่ 8 อุดรธานี กรมอนามัย มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้องตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และประชาสัมพันธ์สร้างกระแสการเตรียมความพร้อมของสถานประกอบการในการเปิดประเทศ โดยมีกิจกรรมมอบป้ายให้กับโรงแรม โฮมสเตย์ เกสต์เฮาส์ ร้านจำหน่ายอาหาร อาหารริมบาทวิถี ตลาดสด แหล่งท่องเที่ยว ร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ และร้านขายของชำ ที่ผ่านการประเมินมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) 116 แห่ง
ศธ.พร้อมบูสต์เข็ม3ให้ครู-บุคลากร
ที่จ.อุบลราชธานี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 16-17 ธ.ค.นี้ ตนพร้อมด้วยนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ., น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ., ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และนพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เยี่ยมชมห้องเรียนของโรงเรียนอนุบาลตระการพืชผล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) อุบลราชธานี เขต 2 นอกจากนี้ยังไปเยี่ยมชมการนำเสนอผลงานการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาและนักเรียน โดยใช้เครือข่ายพื้นที่เป็นฐาน 19 เครือข่ายสถานศึกษา ในเขตพื้นที่บริการ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ตระการ พืชผล อ.นาตาล อ.เขมราฐ อ.โพธิ์ไทร และอ.กุดข้าวปุ้น ที่สพป.อุบลราชธานี เขต 2 ทั้งนี้ ในภาพรวมของสพป.อุบลราชธานี เขต 2 ที่มีโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 217 แห่ง ขณะนี้มีการเรียนการสอนในรูปแบบออนไซต์ทุกโรงเรียน
ด้านนพ.สราวุฒิกล่าวว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป ของสพป.อุบลราชธานี เขต 2 ได้รับวัคซีนเข็มหนึ่ง 4,231 คน คิดเป็น 74.40% ของนักเรียนทั้งหมด ได้รับเข็มสอง 2,444 คน คิดเป็น 42.98% ยังไม่ได้รับวัคซีน 1,456 คน คิดเป็น 25.60% ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับเข็มหนึ่ง 2,278 คน คิดเป็น 87.99% ได้รับเข็มสอง 1,524 คน คิดเป็น 58.86% ได้รับเข็มสาม 200 คน คิดเป็น 7.72% ยังไม่ได้รับวัคซีน 311 คน คิดเป็น 12.01% ซึ่งขึ้นอยู่กับความสมัครใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมให้บริการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน ภายใน 3 เดือน หลังได้รับวัคซีนเข็ม 2 แล้ว
ศาลสั่งทุเลาคำสั่งสธ.
วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโควิด-19 ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 23 ก.ค.64 ข้อ 3 เฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด-19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าว สืบเนื่องจากนายรัชพล ปั้นทองพันธุ์ นักกฎหมายอิสระซึ่งอ้างว่าเป็นผู้บริโภคที่มีสิทธิ์ได้รับการบริการสาธารณสุขการป้องกันและการขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ยื่นฟ้องกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ศาลฯ มีคำสั่งเพิกถอนประกาศฉบับดังกล่าว เฉพาะในส่วนข้อ 3 ที่กำหนดว่า “ทั้งนี้ไม่รวมถึงวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลซึ่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล” เนื่องจากเห็นว่าประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลด้วยเหตุฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีความพร้อมทางสถานะเศรษฐกิจและสังคมไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนทางเลือกที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ส่งผลให้รัฐไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ โดยนายรัชพลลงทะเบียนซื้อวัคซีนโมเดอร์นาให้แก่ตนเองและครอบครัวจากโรงพยาบาลเอกชนเป็นเงิน 13,200 บาท และเห็นว่าคดีนี้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล
ส่วนที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระบุเหตุผลว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย และทั่วโลก กระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรการในการป้องกันและขจัดโรคดังกล่าว โดยการฉีดวัคซีนโควิด-19 อันเป็นวัคซีนที่คิดค้นและผลิตขึ้นในเบื้องตัน ซึ่งหากบุคคลผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว บุคคลนั้นย่อมมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล เมื่อวัคซีนโควิด-19 ที่นำมาฉีดให้กับบุคคลกลุ่มเป้าหมายตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมการป้องกันและขจัดโรคโควิด-19 จากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กับวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ซึ่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนต่างก็เป็นวัคซีนที่ได้ผ่านการรับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาของวัคซีนนั้นจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหากบุคคลที่รับการฉีดวัคซีนทางเลือกเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ย่อมมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเช่นกัน
ชี้ไม่เป็นธรรม-เลือกปฏิบัติ
การที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศดังกล่าวโดยไม่ได้กำหนดให้ครอบคลุมถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกัน โควิด-19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็น ผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย ทำให้ผู้ได้รับการป้องกันโรคโควิด-19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกจะไม่ได้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเหมือนบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงอาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมต่อสภาพทางกายหรือสุขภาพของบุคคลที่มีสิทธิ์ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐตามมาตรา 27 วรรคสาม ประกอบมาตรา 47 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวในส่วนของข้อ 3 เฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด-19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินจึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีผลใช้บังคับต่อไปในระหว่างการพิจารณาคดีจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง หากบุคคลผู้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลพยาบาลจะไม่สามารถเข้ารับการรักษาในฐานะที่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงชีวิตร่างกายของบุคคลที่ได้รับวัคซีนทางเลือกนั้น
อีกทั้งการมีคำสั่งทุเลาของศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด-19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือบริการสาธารณะ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีหน้าที่ในการจัดการด้านการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนทุกคนโดยดำเนินการตามมาตรการของรัฐในการป้องกันและขจัดโรคโควิด-19 และกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินตามประกาศฉบับพิพาทต่อไปได้ จึงเข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว
ปทุมฯติดเชื้ออีก 56
ส่วนจ.ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 56 ราย เพศชาย 40 ราย เพศหญิง 16 ราย คนไทย 55 ราย ต่างชาติ 1 ราย เป็นชาวลาว
ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับเทศบาลนครรังสิต จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กระตุ้นเข็มที่ 3 วัคซีนโมเดอร์นา โดยวันเวลาสถานที่ฉีดวัคซีน ระหว่างวันที่ 13-20 ธ.ค. 2564 ที่ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต โซนกลาง ชั้น 3
เงื่อนไขการลงทะเบียน คือ 1.บุคคลสัญชาติไทย ผู้มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป 2.บุคคลผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตจ.ปทุมธานี 3.ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม หรือวัคซีนซิโนแวคชนิดเดียวกัน ทั้งเข็มที่ 1 และ 2 มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน และ 4.ผู้ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ หรือวัคซีนอื่นตามข้อ 3 ไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนได้ โดยเป็นไปตามเกณฑ์ที่สภากาชาดไทยกำหนด
ลงทะเบียนผ่านลิงก์ : http://rangsit.org/rangsitvaccine/boosterphase1 หรือสแกน QR Code เพื่อลงทะเบียนรับวัคซีน
ชงผ่อนปรนใส่แมสก์ในชายหาด
ที่ร.พ.ชัยภูมิ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข และเปิดหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด ร.พ.ชัยภูมิ ว่า นอกจากลงพื้นที่ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์แล้ว ยังติดตามการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งแม้จ.ชัยภูมิจะมีผู้ติดเชื้อไม่มาก ตั้งแต่ระลอก เม.ย.-17 ธ.ค.2564 มีผู้ป่วยสะสม 12,374 ราย สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ได้ขอให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ปัจจุบันฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 608,748 ราย คิดเป็น 53.64% ของประชากร มีการจัดบริการเชิงรุกในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งให้ความสำคัญกับมาตรการ COVID Free Setting เพื่อให้ดำเนินการกิจการกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของพื้นที่และของประเทศให้กลับมาใกล้เคียงปกติโดยเร็วที่สุด
“สธ.เตรียมเสนอเรื่อง COVID Safe Area ให้รัฐบาลพิจารณาอนุญาตให้มีการผ่อนปรนการสวมหน้ากากอนามัยในบางพื้นที่ เช่น สวนสาธารณะหรือชายหาด เมื่อสถานการณ์ในภาพรวมของประเทศสามารถควบคุมได้ดี การฉีดวัคซีนมีความครอบคลุม โดยต้องมีข้อกำหนดในการปฏิบัติเพิ่มเติม เช่น รักษาระยะห่าง ห้ามขายอาหาร และลดความแออัด เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนได้รู้สึกถึงการใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติและผ่อนคลายมากขึ้น” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
ให้ขาย-ดื่มเหล้าได้คืน31ธ.ค.ถึงตี1
ที่ศาลาว่าการกทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพ มหานคร มีมติปรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ตามที่ศบค.กำหนด ดังนี้ 1.การดื่มสุราในช่วงเทศกาลปีใหม่ 31 ธ.ค.64 ถึงวันที่ 1 ม.ค.65 ร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้ดี สามารถจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ได้ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.64 จนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค.65 และให้ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด ร้านที่ผ่านการประเมิน Thai Stop Covid 2 Plus (TSC 2+) สามารถจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ได้เช่นเดิม
2.การจัดงานปีใหม่ และงาน Count Down อนุญาตให้จัดในพื้นที่โล่งเท่านั้น ผู้เข้าร่วมงานต้องจองตั๋วลงทะเบียนก่อนเข้าร่วมงานตามระบบคิว โดยไม่มีการวอล์กอิน ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด การจัดงานที่มีผู้เข้าร่วม 1,000 คนขึ้นไป ผู้จัดงานจะต้องประสานสำนักอนามัยร่วมวางมาตรการป้องกันฯ และผู้เข้าร่วมงานจะต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และมีผลการตรวจ ATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมง การจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมน้อยกว่า 1,000 คน ผู้เข้าร่วมงานจะต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ แต่ถ้าผู้เข้าร่วมมากกว่า 300 คน ให้ประสานสำนักงานเขตร่วมวางมาตรการป้องกันฯ