“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ” ตามสไตล์ “บุคคลแนวหน้า” วนเวียนอยู่กับความเน่าเฟะของการบริหารงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาหลายกระทอก อย่างที่บอกมันไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล…
nn ล่าสุด กรณีของ “ศิริธน สุทธิบูรณ์” ข้าราชการซี 7 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งทางปกครองให้ออกจากราชการ แต่เมื่อมีการอุทธรณ์ก.ท.จ.อ่างทองได้มีมติเห็นว่าข้อกล่าวหา “ศิริธน” เป็นความผิดไม่ร้ายแรง จึงให้คืนตำแหน่ง และลดเงินเดือน 1 ขั้น ทว่า “ประทิว ภู่ประสงค์ นายกเทศมนตรีตำบลไผ่ดำพัฒนา” อ้างว่าจังหวัดอ่างทองให้ “ทต.ไผ่ดำฯ” ปิดกรอบอัตราจ้าง “ศิริธน” ไปแล้ว (ยุบตำแหน่ง) โดยระบุชัดถ้อยชัดคำว่า “ไม่แตกฉานข้อกฎหมาย … จังหวัดสั่งอะไรมาก็ปฏิบัติตามนั้น เมื่ออุทธรณ์ให้คืนตำแหน่งจะเอาที่ไหนมาคืน เพราะยุบไปแล้ว” ทว่าครั้งล่าการประชุมก.ท.จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 ครั้งที่ 11/2564 มีมติให้ นายกทต.ไผ่ดำพัฒนา ดำเนินการตามมติก.ท.จ.อ่างทอง โดยคืนตำแหน่งให้ “ศิริธน สุทธิบูรณ์” แต่ในขณะเดียวกัน ก.ท.จ.อ่างทอง ก็มีมติให้ทำหนังสือหารือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ตามที่นายกทต.ไผ่ดำพัฒนา เสนอมา เพราะเห็นว่ามติก.ท.จ.อ่างทองขัดต่อกฎหมาย!!!! สรุปคือ มติก.ท.จ.ไม่สามารถใช้ในทางปกครองกับนายกทต.ไผ่ดำพัฒนาได้อย่างนั้นหรือ??? ส.ต.อ.โกมน ภู่สมบุญ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายก.ท.จ.อ่างทอง และ “แสงมณี มีน้อย” ท้องถิ่นจังหวัดอ่างทองคิดเห็นประการใดต่อกรณีนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยืนยันเสียงใสว่า ลำบากใจกับกรณีนี้พร้อมปฏิเสธไม่ได้สั่งการใดๆ ให้นายกทต.ไผ่ดำฯยุบตำแหน่ง ถ้าสั่งการก็ต้องมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร สรุปโยนกันไปโยนกันมา หาหลักการใดมิได้เลย ซ้ำยังมีเสียง ก.ท.จ.บางคนเย้ยหยัน “ศิริธน สิทธิบูรณ์” ว่า “เปรียบเปรยเหมือนสุนัขที่กำลังจะจมน้ำ ดิ้นรนทะลึ่งขึ้นมาสะบัดหาง” ความเห็นเยี่ยงนี้ที่หลุดรอดมาจากปากข้าราชการผู้มีอำนาจบางคน ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงกมลสันดานในการปกครองดูแลข้าราชการผู้น้อยหรือไม่อย่างไร ตรองดูเถิดวิญญูชน ขบวนการกลั่นแกล้งข้าราชการชั้นผู้น้อยนี้ มีอยู่จริงหรือไม่ เหตุใดจึงเร่งรีบ “ยุบตำแหน่ง” ทั้งที่กรณีนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ยุบตำแหน่งได้ก็ต้องเปิดได้…
nn มีบางเรื่องราวฝากมาเตือนฝูง “ฮายีน่า” ที่เหมือนจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว แต่ที่จริงยังมีหลงเหลืออยู่ สันดานดุร้าย มักจะรวมตัวอยู่เป็นฝูง ตัวผู้จะเป็นผู้ปกครอง เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์ไม่ซื่อตรง เพราะล่าสุด… “สิระ เจนจาคะ” ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องร้องเรียนเช่นนี้มาเยอะ เลยเปิดช่องทางพิเศษให้กับประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะห่างไกลแค่ไหนสามารถร้องทุกข์ผ่านตนเองได้ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ตนทำหน้าที่ประธาน กมธ.พบว่า “ประชาชนจำนวนมากมีความเดือดร้อน ความเป็นธรรมจากหน่วยงานของภาครัฐ แต่ก็ไม่รู้จะร้องเรียนความเป็นธรรมให้กับตัวเองอย่างไรที่เป็นข่าวก็แค่ส่วนหนึ่ง พอออกสื่อฯก็จะมีคนมาช่วยเหลือดูแลให้ เชื่อยังมีชาวบ้านที่ถูกรังแกจำนวนมาก และไม่รู้ว่าจะต้องไปหาใคร จึงขอมาลงเป็นสื่อกลาง อาสาดูแลคนไทยทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะคนหลักสี่ แต่คนไทยควรมีที่พึ่ง และผมจะตามหาความเป็นธรรมให้เอง” จะรอไรอ่านไปปรบมือไปแล้วบอกต่อ “หาเสียงล้วนๆ” เพื่อ “พรรคพลังประชารัฐ” โดยแท้…
nn จะไม่กล่าวถึงอยู่แล้วกรณี พส.บางรูปที่ทนกิเลสตัณหาเย้ายวนไม่ไหวสลัดผ้ากาสาวพัสตร์ลาสิกขาจาก “บรรพชิต” เป็น “ฆราวาส” ปรากฏแสงบรรเจิดเดินทางไปบ้าน “หมอปลา – จีรพันธุ์ เพชรขาว มือปราบสัมภเวสี” ที่จังหวัดเพชรบุรี แสดงกิจกรรมโชว์เริ่มจาก “ยัดหมูกระทะใส่ปาก” ต่อด้วย “รับค้อนทุบศาลพระภูมิ” ถีบจนศาลล้มกระจายสนุกสนาน “ร้อนแรงปานกามนิตทิด 5 จี” หากเป็นสมัยเก่า
เมื่อทิดลาสิกขาจะต้องทำความสะอาดส้วม เพราะเคยใช้ปลดทุกข์ระหว่างบรรพชิต ทว่ากลับไปทำลายศาลพระภูมิใน “อนุสสติ 10 กรรมฐานเป็นเครื่องระลึกถึง 10 ประการ” โดยข้อที่ 6 ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “อริยสาวกย่อม ระลึกถึงเทวดา ว่า เทวดาเหล่าจาตุมหาราชมีอยู่ เทวดานุสสติ รำลึกถึงเทวดาหรือธรรม ทำให้เป็นเทวดา สำเหนียกสำนึกอย่างไร อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจนได้เปรียญธรรม 9 ประโยค กลับไม่นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาอบรมสั่งสอนฆราวาสอย่างจิตภาวนาบ้างเชียวหรือ แต่ถึงวันนี้ “ไม้หน้าสาม” ก็ขออนุโมทนาสาธุ กับท่านที่หยุดสร้างรอยแปดเปื้อนให้พระพุทธศาสนาลาสิกขาไปใช้ชีวิตแบบปังปังอย่างที่เห็นในโซเชียลเนตเวิร์ก ทั้งกระดี๊กระด๊าปากแดงๆ จะไว้ใจได้กาที่ตั้งใจโพสต์โชว์เยี่ยงนั้น…
nn น่าสงสารแถมสังเวชทหารแก่ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยิ่งนักกับพฤติกรรมซ้ำซาก แก้ไม่หาย เพราะเคยชินอยู่กับการสื่อสารกับไพร่พล ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ต้องการสื่อเนื้อความกับผู้รับแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ทราบและไม่สนใจการตอบสนองจากผู้รับว่าจะเป็นอย่างไร หรือเรียกว่า “การติดต่อสื่อสารทางเดียวมีลักษณะการส่งข้อมูลจากผู้ส่งข้อมูลไปยังผู้รับในทิศทางเดียว” ลักษณะ อาทิ สถานีวิทยุกระจายเสียง การแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ ที่ทั้งสองลักษณะก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของโลกที่มีการตอบโต้เสนอแนะกันได้ที่อาจอุปมาอุปไมเป็น “เหรียญสองด้าน” ซึ่งแสดงความสะใจ สำเหนียกความหมายได้ไม่ต่าง “กระบือ” ซุ่มจับผิดอย่างอคติทั้งที่ข้อความนั้นถูกเผยแพร่จากการตัดต่อเนื้อหาข้อเท็จจริงเอามาปั่นกระแส ความเท่าเทียมกันในนิยามของ “ผู้นำประเทศ”ว่า “เหมือนการใช้ถนน คนรวยวิ่งบนทางด่วน เสียเงินเอา คนรายได้น้อยก็ใช้ถนนปกติด้านล่าง มันจะได้ไม่แออัด”… นักการเมือง,นักวิชาการมีสมองขนาดเท่า “อวัยวะมด” ได้โปรดเลิกประกอบอาชีพ “นักเลือกตั้ง” เถอะสงสารชาวบ้าน หยุด!! ประจานวิจารณญาณ… สมอง – ปัญญาคนในพื้นที่เลือกตั้งที่ท่านเป็นผู้แทนฯอันทรงเกียรติเลย สงสารเยาวชนไทยที่ต้องนั่งเรียนให้คนสมองเท่านี้อบรมสั่งสอน เราจึงเห็นภาวะนักศึกษาเยี่ยง “เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์,รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง“ปฏิรูป – ล้มล้างใส่ร้ายกล่าวเท็จต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่เนืองนิจ…
nn วิกฤต “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” ประเทศไทยอยู่ในช่วงขาลงแบบช้าๆ แต่จะให้หมดไปเลยคงเป็นไปไม่ได้ ถึงมีผู้ป่วยเป็นหลักพันถ้าอาการไม่รุนแรงไม่เสียชีวิตหรือมีผู้เสียชีวิตเป็นหลักสิบก็คงยอมรับได้ เรื่องนี้ “อาจารย์หมอยง – ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เรียกร้องให้สังคมไทยเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิต้านทาน ลดความรุนแรงจากการติดเชื้อ ล่าสุด สถิติผู้รับวัคซีนในประเทศไทยมีฉีดวัคซีนแล้วทั้งสิ้น 95,437,744 โดส แยกเป็นเข็มแรก 49,223,323 โดส เข็มสอง 42,473,758 โดส และเข็มสาม จำนวน 3,740,663 โดส…nn
ไม้หน้าสาม