เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เมืองไทย 360 องศา
“ขณะนี้มีพายุเข้ามา โดยปีที่แล้วพายุเข้ามาห้าลูก และนี่เพียงลูกเดียว จึงขอให้ช่วยกันสวดมนต์อย่าให้พายุเข้ามาอีกเลย พายุลกเดียวนี่ก็พอแล้ว”
นั่นเป็นคำพูดตอนหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่พูดคุยกับชาวบ้านระหว่างลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถูกฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยนำมาจับประเด็นเน้นย้ำให้เห็นว่า “ลุงตู่” เป็นผู้นำที่ไร้สติปัญญา หรือที่เข้าใจแบบบ้านๆว่า “โง่” นั่นแหละ
โดยบรรดาคนในพรรคเพื่อไทย ต่างดาหน้าออกมาชี้ให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ชาวบ้านสวดมนต์เพื่อให้ปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย โดยตัดตอนให้เห็นว่าไม่มีแผนรับมือแก้ปัญหาที่เป็นระบบและยั่งยืนอะไรประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันแบบมี “ตรรกะ” กลับไป หากเหมารวมเอาว่า “บิ๊กตู่” หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนโง่ หรือเป็น “ผู้นำโง่” จริง ตามที่ว่าแล้ว หากมองอีกมุมหนึ่ง ทำให้คิดไปได้เหมือนกันว่า นี่ขนาด “โง่ๆ แบบนี้ยังนั่งเก้าอี้มานานกว่า 7 ปี กำลังย่างเข้าปีที่ 8 แล้ว” ขณะที่ฝ่าย “พ่อคนฉลาด” อย่างพรรคเพื่อไทย มาถึงวันนี้ก็ยังเป็นฝ่ายค้าน ห่างหายจากรัฐบาลมาจะร่วม 8 ปีแล้วเช่นกัน และจะว่าไปแล้วหาก “บิ๊กตู่ ฉลาดกว่านี้” สักหน่อยไม่ต้องนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกันจน “รากงอก” ดอกหรือ
แต่นั่นมันก็แค่เกมการเมือง ที่มีเจตนา “ด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม” เท่านั้นเอง และที่สำคัญได้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดการลงพื้นที่ทั่วประเทศอย่างถี่ยิบทุกสัปดาห์ และเป้าหมายต่อไปก็คือ ในพื้นที่ภาคอีสานที่ถือว่าเป็น “ฐานเสียง” สำคัญมายาวนาน
ที่เห็นเฉพาะหน้ากันก็คือ วันที่ 29 กันยายนนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และตรวจสภาพน้ำท่วมที่จังหวัดชัยภูมิ โดยตามกำหนดการมีการตระเวนเดินสายพบปะกับชาวบ้านหลายอำเภอ นอกเหนือจากนี้ยังมีคิวไปตรวจเยี่ยมในหลายจังหวัดภาคอีสานตามมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจังหวัดนครราชสีมา รวมไปถึงในพื้นที่ภาคเหนือเท่าที่เห็นคร่าวๆ ก็มีจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นต้น ก่อนที่จะลงไปที่ภาคใต้ เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นลำดับถัดไป ซึ่งเลื่อนมาไว้ทีหลังเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์
เมื่อวกมาที่ภาพการแข่งขันทางการเมืองก็ต้องยอมรับว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทั้งการ “ปรับบทบาทใหม่” โดยการเข้าหา มีการปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ส.ส.มากขึ้น โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเอง “ขาลอย” จากกรณีโหวต “ซักฟอก” ที่ผ่านมา รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลกว่าเดิม
และที่สำคัญก็คือ มีการเดินสายออกเยี่ยมเยียนประชาชนทั่วประเทศในแทบทุกสัปดาห์ เริ่มจาก จังหวัดชัยนาท สมุทรปราการ ชลบุรี สุโขทัย และชัยภูมิ ในวันที่ 29 กันยายน และคิวถัดไปก็จะเป็นจังหวัดนครราชสีมา และที่ประจวบเหมาะก็คือ จังหวัดดังกล่าวแทบทั้งหมด กำลังประสบภัยน้ำท่วมอย่างหนัก ซึ่งการลงพื้นที่แบบนี้มันเหมือนกับว่าเป็นการลงไป “แบบทันท่วงที” ในทางการเมืองย่อมต้องมีผลบวกมากกว่าผลลบแน่นอน
ขณะที่อีกด้านหนึ่งการลงพื้นที่แบบนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมไม่ส่งผลดีกับฝ่ายตรงข้ามในทางการเมืองแน่นอน โดยเฉพาะกับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย และยิ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงหลักทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน มันก็เหมือนกับการ “กระแทก” เข้าไปในหัวใจกันเลยทีเดียว ขณะที่ตัวเองได้ยืนมองตาปริบๆ
อย่าได้แปลกใจที่ต้องใช้วิธีเน้นย้ำในเรื่อง “คำด่า” คำเหยียดหยามประดังเข้าใส่อย่างเต็มที่ อย่างเช่น “ผู้นำโง่” อะไรแบบนี้ แต่ขณะเดียวกัน อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า “นี่ขนาดโง่ๆขนาดนี้ ยังอยู่มานานร่วม 8 ปีแล้ว ถ้าฉลาดกว่านี้จะอยู่ยาวอีกกี่ปี” แต่ถึงอย่างไรก็พอเข้าใจได้ว่า มันเป็นแค่ “เกมด้อยค่า” ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่ ชาวบ้านจะคล้อยตามแค่ไหน เพราะการเดินสายไปทั่วประเทศแบบนี้ในทางการเมืองสำหรับเขาแล้วคือการ“โกยคะแนนนิยม”
เมื่อหันกลับไปมองพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย นาทีนี้ยังไม่เห็นขยับอะไรเลย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวช่วยเหลือชาวบ้านในภาคอีสาน และภาคอื่นๆ อีกหลายจังหวัดที่กำลังประสบความเดือดร้อนอย่างสาหัสในเวลานี้
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่คนในพรรคเพื่อไทยกำลังดิ้นพล่านกับการเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งในมุมการเมืองมันก็เหมือนกับการฉกฉวยสถานการณ์โกยแต้มแบบเนียนๆ และที่สำคัญ “บทสวด” กำลังออกฤทธิ์ ย้อนกลับมาถล่มพรรคเพื่อไทยรุนแรงกว่าเดิม !!