เผยแพร่: 20 มี.ค. 2566 06:50 ปรับปรุง: 20 มี.ค. 2566 06:50 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ ลำพูน – ครอบครัวชาวกะเหรี่ยงทุ่งหัวช้าง เมืองเจ้าแม่จามเทวี สงสัย..ชายไทยถูกจับลอบเข้าจีน เป็นน้องชายที่ออกจากบ้านหลังถ่ายบัตร ปชช.ตอนอายุ 15 บอกจะไปทำงานเรือประมงที่ภูเก็ต ก่อนหายตัวไป 29 ปีกรณีชายวัย 45 ปี อ้างว่าชื่อ นายประกอบ อายุ 45 ปี เป็นราษฎร ต.นาชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ลักลอบเข้าประเทศจีน เมื่อปี 2019 และถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับตัวได้ ขณะเดินเร่ร่อนที่เมืองเทียนสุ่ย มณฑลกานซู่ ได้ 1 ปีกว่า ซึ่งทางการจะส่งกลับภูมิลำเนา แต่ไม่พบพาสปอร์ตหรือเอกสารยืนยันตัวบุคคลทางตำรวจจีนได้ติดต่อให้ นางสาวฝ้ายหรือ น.ส.สุกัญญา อายุ 29 ปี ซึ่งมีครอบครัวอยู่ที่จีน มาเป็นล่าม มีการให้นายประกอบร้องเพลงชาติไทย แต่เจ้าตัวกลับร้องไม่ถูก และท่อง ก-ฮ ไม่ได้ ตรวจสอบกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลนาชุมแสง ต่างยืนยันว่าไม่มีลูกบ้านชื่อดังกล่าว คาดว่านายประกอบน่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธ์ บนภูเขาสูงทางภาคเหนือกระทั่งมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ประสานงานไปและสงสัยว่า นายประกอบอาจเป็นญาติของตนเองที่หายตัวไปเมื่อ 29 ปีก่อน ล่าสุดนายจรัล มณีจันสุข นายอำเภอทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ได้เดินทางไปพบนางดวงนภา ใจอิ่นแก้ว อายุ50ปี (พี่สาวของผู้สูญหาย) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 9 อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ซึ่งตัวสงสัยว่าชายคนดังกล่าวจะเป็นน้องชายของตัวเองที่หายตัวไปพี่สาวของผู้สูญหาย ได้นำภาพน้องชาย ซึ่งถ่ายตอนอายุประมาณ 14 ปี กับเพื่อนอีก 2 คน ที่โรงเรียนสามัคคี,ภาพถ่ายตอนที่เขาทำงานอยู่ที่ กทม.ซึ่งกำลังนั่งอยู่กับเพื่อน,สำเนาบัตรประชาชนที่ระบุชื่อว่า นายสมพร สุภา ซึ่งถ่ายเมื่อตอนที่อายุ 15 ปีที่อำเภอทุ่งช้าง และก็รูปบัตรต่างๆของพ่อมาให้ดูนางดวงนภา เปิดเผยว่าดูจากภาพหน้าตาชายคนดังกล่าวที่ปรากฎในข่าว คล้ายกับน้องชายที่หายตัวไปเมื่อ 29 ปีก่อนมาก จึงให้หลานติดต่อไปยังคุณฝ้ายผู้ประสานงาน ซึ่งจากการพูดคุยกับเขาแต่เขาฟังภาษากะเหรี่ยงไม่ได้ แต่ก็ชี้รูปวัยเด็กที่ส่งไปให้ดูได้ถูกต้อง พร้อมตอบว่าฮ่อๆ(ใช่)เท่านั้น และเมื่อส่งภาพของพ่อ(นายยังตอน สุภา)ไปให้ดูเขาก็บอกว่า..ป่าป๊าทั้งนี้เมื่อ 29 ปีก่อน หลังจากที่ถ่ายบัตรประชานชนตอนอายุได้ 15 ปี และได้รับเอกสารคือใบเหลืองมา น้องชายก็ออกจากบ้านไปเลย โดยบอกว่าจะไปทำงานในเรือประมงกับเพื่อนๆกว่า 10 คน ที่จังหวัดภูเก็ต โดยเพื่อนของเขาแต่ละคนแยกกันไปทำงานต่างสถานที่กันต่อมาเพื่อนๆเขาต่างทยอยกลับมาบ้านหมดยกเว้นน้องชายของตนเพียงคนเดียวตอนแรกคิดว่าเขาคงอยู่ทำงานต่อ แต่เขาไม่ติดต่อมาทางบ้านเลยในใจยังคิดว่าเขาอาจถูกฆ่าโยนทิ้งทะเลแล้วก็ไม่รู้ จนกระทั่งเห็นภาพคนในข่าวซึ่งหน้าตาเขาก็คล้ายน้องชายของตน จึงประสานไปเพื่อขอรายละเอียดกับล่ามที่ชื่อ “ฝ้าย”ทั้งนี้ยอมรับว่าครอบครัวมีหวังว่าอาจจะใช่น้องชายที่หายตัวไปส่วนจะใช่หรือไม่ก็คงให้จนท.ตรวจสอบดูอีกครั้งและวันนี้ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สภ.ทุ่งหัวช้างแล้วด้านนายจรัล มณีจันสุข นายอำเภอทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน เปิดเผยว่าทางอำเภอทราบเรื่องจากข่าว จึงลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นจะรับเป็นผู้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ ซึ่งตอนนี้ยังอาจจะไม่ได้ตรวจดีเอของญาติ แต่จะใช้ลายพิมพ์นิ้วมือตอนที่เขาถ่ายบัตรประชาชน เมื่อตอนอายุ 15 ซึ่งทางอำเภอมีภาพถ่ายไมโครฟลิม์เก็บไว้ในระบบมาตรวจสอบก่อนและหากประสานงานกันได้จะมีการตรวจสอบดีเอ็นเอหรือไม่นั้นคงต้องคุยกันอีกที