ผู้จัดการผับ ‘คันทรี่โฮม’ เผยกลางเวทีแถลงข่าวปิดคดี ‘จ่าเบิร์ด’ อ้างกับการ์ดนำอาวุธปืนเข้าผับเพราะมาสืบเสาะยาเสพติด โดยที่ทางร้านไม่ได้ปล่อยปละละเลย ยันมีพยานยืนยัน ขณะที่ญาติพอใจผลการจับกุม หลัง ผบช.ภ.9 ยืนยันไม่มี ‘มวยล้มต้มคนดู’ ขณะที่หัวหน้าชุดสวาทฯ รับเป็นความผิดพลาดและบกพร่องของเจ้าหน้าที่
26 ต.ค.2565 – ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.เชาลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.ตรัง ร่วมกันแถลงข่าวปิดคดี จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด นาคแก้ว ผบ.หมู่ (ป) สภ.บ้านหนองเอื้อง ปฏิบัติหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษศรีตรัง หรือหน่วยสวาทนั้น ในระหว่างการแถลงข่าว ทางนายธนกฤต จันทร์พุ่ม อายุ 47 ปี ผู้จัดการร้านคันทรี่โฮม ซึ่งเป็นร้านที่เกิดเหตุ ได้พูดพร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ‘จ่าเบิร์ด’ ได้ไปแสดงตัวกับทางร้านว่ามาสืบเสาะเรื่องยาเสพติดและแต่งนอกเครื่องแบบมา ทางร้านเลยปล่อยให้เข้าไป ซึ่งเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทำหน้าที่รับผิดชอบงานนี้โดยตรงหรือแอบอ้างเพื่อนำอาวุธปืนเข้าไปในร้านตนก็ไม่ทราบ และที่อ้างว่าต้องแต่งกายนอกเครื่องแบบ เพราะกลัวว่าลูกค้าจะไหวตัวทัน ซึ่งลักษณะการแต่งตัวคือต้องทำยังไงก็ได้ให้คล้ายประชาชนทั่วไปมากที่สุด ซึ่งยืนยันทางร้านไม่ได้ปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้
นายธนกฤต กล่าวอีกว่า แต่หลังก่อเหตุขึ้นมาแล้วจะให้ทางร้านรับผิดชอบยังไง และตนก็มีลูกน้องหลายชีวิตที่ต้องดูและรับผิดชอบร่วมกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นมาแล้วจะปิดร้าน ตนก็ไม่เห็นด้วยเพราะตนไม่ได้ปล่อยปละละเลย นี่คือเรื่องจริงที่ตนมีพยานบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางร้าน และต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย ส่วน ‘จ่าเบิร์ด’ความจริงแล้วไม่ใช่การ์ดเก่า แต่เป็นตำรวจซึ่งเอามาเสริมในเวลาลูกค้าเยอะหรือว่าวันศุกร์-เสาร์ เพราะเมื่อมีตำรวจอยู่ที่ร้านจะดีกว่า หากพบลูกค้าพกพาอาวุธเข้าไป ตำรวจสามารถเข้าไปตักเตือนได้ ซึ่งจ่าเบิร์ดไปไม่บ่อย และจริง ๆ แล้วเป็นคนนิสัยดี อัธยาศัยดีมาก
ซึ่งในประเด็นนี้ทาง พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.เชาลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.ตรัง ไม่ได้พูดหรือชี้แจงใดๆในกรณีนี้ ภายหลังหลังจากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนของญาติผู้ตายที่มารอพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กว่า 30 คน เข้าพบด้วยการส่งตัวแทนประมาณ 10 คนเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจนานประมาณ 15 นาที โดยหลังเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้ว
ขณะที่ญาติของผู้ตาย และ นายวิรัตน์ รักนาย หรือ สจ.จู สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น คนสนิทผู้ตาย กล่าวว่า การเยียวยายังอยู่ในสำนวนต้องให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งตนพอใจเพราะผู้บัญชาการรับปากจะไม่มีมวยล้มแน่นอน เบื้องต้นทางร้านคันทรี่โฮมนำเงินไปให้ 10,000 บาท ซึ่งญาติรู้สึกเป็นกันเองมาก หลังแถลงข่าวแล้วก็ยังรับปากว่าจะเอาเรื่องผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด และยังได้ฝากถึงตำรวจหากไปเที่ยวแล้วพกพาอาวุธปืน ก็จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งพวกตนก็พอใจ ซึ่งตนมองว่าร้านแบบนี้มีหลายร้าน และเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนต่างจังหวัดจะได้เข้ามาเที่ยว เงินก็จะได้หมุนเวียนในจังหวัด ถ้าควบคุมไม่อยู่แล้วต่อไปใครจะมาเที่ยว
ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.สิทธินันท์ สังฆพันธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ซึ่งรับผิดชอบและกำกับดูแล ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า การจัดตั้งชุดนี้ขึ้นมา หลังจากที่มีเหตุการณ์ ‘จ่าคลั่ง’ ก่อเหตุการ์ดยิงที่ โคราช จ.นครราชสีมา ก็เลยมีการจัดตั้งชุดนี้ขึ้นมา ใน จ.ตรัง เพื่อที่จะเข้าระงับเหตุและดูแลพี่น้องประชาชน หรือระงับเหตุคนคลั่ง หรือมีการจับตัวประกัน ซึ่งเป็นที่ทราบดีของสื่อมวลชน จ.ตรัง เนื่องจากที่ผ่านมาทางชุดได้ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญหลายๆเหตุ 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากก่อตั้งไม่เคยมีข้อบกพร่อง หรือเกิดความเสื่อมเสียใดๆเลย ทุกคนต่างอยู่ในระเบียบวินัย สำหรับการคัดเลือกบุคคลที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยสวาท เป็นตำรวจที่มีจิตใจเข้มใจ มีความกล้าหาญ พร้อมที่จะเข้าเสี่ยงแทนพี่น้องชาวบ้านประชาชน หรือแทนตำรวจในพื้นที่นั้นๆ โดยที่จ่าเบิร์ด จบหลักสูตรลาซู แล้วมาเป็นครูฝึกให้กับน้องๆ พร้อมกับมาเป็นครูฝึกให้กับเพื่อนตำรวจทุกๆโรงพัก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาด และบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ผมในฐานะหัวหน้าขอยอมรับไว้ และกล่าวขอโทษ ญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทุกๆคน โดยที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น